ถึงแม้ว่าคนไทยหลายคนจะเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลหรือชั้นประถม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันยังเป็นยาขมสำหรับใครหลายคนอยู่ ปัญหาสำคัญอาจไม่ได้อยู่ที่เราอ่านไม่ออกหรือแปลไม่ได้ แต่มันคือการที่เราเรียนภาษาอังกฤษกันมากว่า 10 ปี แต่กลับฟังเจ้าของภาษาไม่เข้าใจ หรือไม่ก็รู้ว่าเขาถามว่าอะไรแต่ตอบไม่ถูก และที่หนักไปกว่านั้นคือบางครั้งเราอาจจะเลือกที่จะตอบว่าไม่รู้ เพราะไม่อยากคุยต่อ ทำเป็นมองไม่เห็น หรือไม่ก็เลือกที่จะเดินหนีไปดื้อ ๆ เพียงเพราะกลัวที่จะต้องคุยกับชาวต่างชาติ
ปัญหาเหล่านี้นับเป็นปัญหาสุดคลาสสิกของคนไทยที่ต้องเรียนภาษาอังกฤษ ที่ถึงแม้จะรู้ว่ามันสำคัญและมีประโยชน์มากเพียงใด และหลายคนก็อยากที่จะฟังออก พูดได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนอยู่ดี
มนุษย์ต่างวัยชวนเปิดโลกการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบใหม่ที่หลายคนอาจยังไม่รู้จักผ่านโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพทักษะด้านการฟังและพูดภาษาอังกฤษผ่านแอปพลิเคชันเรียนภาษาต๊อกโตะสำหรับผู้สูงอายุ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กับ ‘เนทบอล’ พัชรนันท์ ชัยชาญทิพยุทธ วัย 39 ปี กรรมการและผู้บริหารฝ่ายวิชาการ บริษัท ต๊อกโตะ จำกัด และ ‘เต๊’ เตโช ชัยวุฒิ วัย 37 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารชุมชนและผู้เรียน บริษัท ต๊อกโตะ จำกัด และผู้ประสานงานโครงการฯ ถึงความตั้งใจในการพัฒนาแอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษที่เน้นทักษะการฟังและการพูด เพื่อทลายกำแพงภาษา แก้ปัญหาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคนไทย และเพิ่มความมั่นใจในการสื่อสารกับชาวต่างชาติ
จุดเริ่มต้นของ Tockto (ต๊อกโตะ)
“ก่อนหน้านี้เราเคยเป็นทั้งล่ามและครูสอนภาษามาก่อน ได้เห็นมาตลอดว่าคนไทยเรียนภาษาต่างประเทศกันมาเป็น 10-20 ปี แต่กลับไม่มั่นใจเวลาที่จะสื่อสารกับชาวต่างชาติเลยคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยใช้ภาษาต่างประเทศได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เป็นจังหวะพอดีกับที่เราได้ไปเจอพาร์ทเนอร์ที่เขามีความฝันอยากทำแอปพลิเคชันสอนภาษาอยู่แล้ว และมีความเชี่ยวชาญทางด้านไอทีก็เลยร่วมมือกันพัฒนาแอปพลิเคชัน Tockto (ต๊อกโตะ) ขึ้นมา
“ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา การเรียนการสอนออนไลน์เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ที่ต่างประเทศมีแอปพลิเคชันสอนภาษาหลายตัวก็จริง แต่ยังไม่มีแอปฯ ไหนที่เน้นทักษะการฟังและพูดโดยเฉพาะ ส่วนในไทยเองก็ยังไม่มีใครทำแอปฯ แบบนี้ เราเลยอยากสร้างแอปฯ สัญชาติไทยที่ตอบโจทย์นี้ของคนไทย และยังสามารถไปได้ไกลในตลาดโลกด้วย
“ที่มาของชื่อ Tockto (ต๊อกโตะ) เป็นการแปลงเสียงจากคำว่า Talk to ในภาษาอังกฤษสื่อถึงการพูดคุยหรือสื่อสาร แต่ดัดให้เสียงสั้นลงแบบสำเนียงญี่ปุ่น ให้ฟังดูสดใส สนุก น่ารัก และเข้าถึงง่าย
โครงการสอนภาษาอังกฤษสำหรับรุ่นใหญ่
เต๊เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของโครงการฯ ว่า “เราเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชัน Tockto (ต๊อกโตะ) ในปี 2563 และได้รับทุนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ซึ่งเป็นทุนที่สนับสนุนให้กับธุรกิจสตาร์ทอัป
“ตอนแรกที่เราเริ่มทำโครงการสอนภาษาอังกฤษฟรี เราเจาะเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มวัยกลางคน แต่พอทำจริง ๆ เราได้เห็นว่าคนที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ กับเรามีตั้งแต่ช่วงอายุ 40 ปี ไปจนถึง 70 ปี ทำให้เราเห็นว่าผู้สูงอายุที่ยังแอคทีฟและมีความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีนั้นมีเยอะขึ้นเรื่อย ๆ”
เนทบอลเล่าต่อว่า “เราทำโครงการสอนภาษาอังกฤษฟรีให้กับบุคคลทั่วไปมาแล้ว 6 รุ่น มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการประมาณ 27,000 คน และสามารถเรียนรู้จนจบหลักสูตรประมาณ 9,300 คน คิดเป็น 35% ของผู้สมัครทั้งหมด ซึ่งเมื่อมีการเก็บจัดเก็บสถิติและข้อมูลหลังบ้านก็พบว่ามีกลุ่มผู้สูงอายุอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง
“เมื่อสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) มีเป้าหมายในการทำงานกับกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น เขามาสอบถามทาง Tockto (ต๊อกโตะ) ว่าสามารถทำโครงการให้กับผู้สูงอายุได้หรือไม่ เราตอบตกลง เพราะเราทำได้และยินดีทำด้วย เลยเป็นที่มาของโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพทักษะด้านการฟังและพูดภาษาอังกฤษผ่านแอปพลิเคชันเรียนภาษาต๊อกโตะสำหรับผ้สูงอายุ”
“ยอดผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 200 คน มีผู้เปิดรหัสเข้าเรียนในแอปพลิเคชันไปแล้วประมาณ 60 คน ซึ่งรหัสที่เราให้สามารถเริ่มเปิดใช้ได้ตามเวลาที่สะดวก โดยมีอายุการเข้าเรียนได้ 3 เดือนหลังจากเปิดใช้รหัส
“ตอนแรกเราไม่ได้คิดว่าจะมีผู้สูงอายุสมัครเข้ามาเยอะขนาดนี้ เพราะมันต้องเรียนรู้ผ่านแอปพลิเคชัน ต้องใช้เทคโนโลยี อย่างตอนนี้ผู้เรียนที่อายุมากที่สุดที่สมัครเข้าร่วมโครงการมีอายุมากถึง 76 ปี มันแสดงให้เห็นว่าเดี๋ยวนี้ผู้สูงอายุใช้เทคโนโลยีได้คล่องขึ้น เก่งขึ้น และยังแอคทีฟอยู่ค่อนข้างมาก”
ใครเรียนได้บ้าง ?
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วย
- มีอายุ 45 ปีขึ้นไป
- สามารถอ่านและฟังภาษาไทยได้
- สามารถใช้แอปพลิเคชันได้
- มีความกระตือรือร้นในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ
- มีสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับใช้งานแอปพลิเคชันต๊อกโตะได้
“โครงการฯ ของเราจะรับสมัครผู้สูงอายุที่สนใจเรียนรู้ภาษาอังกฤษจำนวน 1,000 คน และเราจะมีของรางวัลพิเศษสำหรับผู้เรียนที่เรียนจนจบหลักสูตรและได้รับประกาศนียบัตร 400 คนแรก โดยคอร์สเรียนทั้งหมดในโครงการฯ นี้ เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย”
ไม่มีพื้นฐานภาษาก็มาเรียนได้
เต๊อธิบายถึงคอร์สเรียนต่าง ๆ ในโครงการฯ ให้เราฟังว่า “การเรียนของเราจะเรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป เน้นในเรื่องของการฝึกออกเสียง โดยหลักสูตรที่เราเปิดให้เรียนจะมีทั้งหมด 3 คอร์ส ประกอบด้วย
- Magic Grammar – ปูพื้นฐานแกรมมาที่จะพาผู้เรียนเริ่มเรียนตั้งแต่การออกเสียง a an the การประกอบคำเป็นประโยคสั้น ๆ คนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษสามารถมาเริ่มต้นเรียนรู้ไปด้วยกันได้
- Basic English Speaking – พูดอังกฤษพื้นฐาน เน้นการฟังและพูดประโยคภาษาอังกฤษทั่วไปในชีวิตประจำวันแบบสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ใช้ประโยชน์ได้จริง เช่น การทักทาย การถามทาง การบอกทาง เป็นการเรียนรู้สำเนียงเจ้าของภาษาในสปีดที่ช้ากว่าปกติ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถฟังและออกเสียงตามได้ง่ายขึ้น
- Everyday English Speaking – พูดอังกฤษในชีวิตประจำวัน ฝึกฟังพูดกับประโยคภาษาอังกฤษตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ตื่นเช้า ไปทำงาน ไปเที่ยว จนถึงเข้านอน มีประโยคหรือคำศัพท์สแลง หรือสำนวนมากขึ้น และใช้สปีดการสื่อสารจริง ๆ ของเจ้าของภาษา
“โดยคอร์สเรียนทุกคอร์สในแอปพลิเคชันต๊อกโตะจะใช้สำเนียงแบบอเมริกัน อิงลิช ในการฝึกพูดและออกเสียง มีคำอ่าน คำแปลภาษาไทยประกอบ และมีคลิปวิดีโออธิบายจากครูชาวไทยเสริมด้วย”
เนทบอลเล่าเสริมว่า “ตอนนี้เรามีกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นมาเพื่อเสริมให้ผู้เรียน คือ หลังจากเข้าเรียนในแอปพลิเคชันแล้วจะมีคลาสสดผ่านซูมสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้ามาฝึกคุยโต้ตอบกับคุณครูชาวต่างชาติหลังจากเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านระบบในแอปฯ มาแล้ว เพื่อเป็นการเช็กว่าเขาสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้จริงได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งสามารถซักถามสิ่งที่สงสัยจากการเรียนในแอปฯ กับคุณครูได้เลย แต่ถ้าหากไม่สะดวกเข้าคลาสสดก็สามารถมาดูย้อนหลังในเวลาที่สะดวกได้
“การเรียนกับต๊อกโตะไม่จำเป็นต้องเก่งเรื่องเทคโนโลยี ขอแค่ใช้สมาร์ตโฟนและแอปพลิเคชันขั้นพื้นฐานเป็น ส่วนที่เหลือสามารถมาเรียนรู้กับเราได้ เราจะมีการจัดคลาสสอนการใช้งานแอปฯ ต๊อกโตะผ่านโปรแกรมซูมให้ รวมทั้งมีกรุ๊ปไลน์ไว้คอยตอบคำถามหากผู้เรียนติดขัดปัญหาเรื่องการใช้งานด้วย”
สอนโดยทีมครูชาวไทยและต่างชาติที่เชี่ยวชาญด้านภาษา
เนทบอลเล่าถึงทีมผู้สอนในคอร์สเรียนของแอปพลิเคชันต๊อกโตะว่า “ในส่วนของคลิปวิดีโอที่เป็นบทสนทนาเราจะใช้ทีมสอนเป็นเจ้าของภาษาทั้งหมดเพราะเราอยากให้ผู้เรียนได้ฝึกฟังสำเนียงจากเจ้าของภาษา ส่วนคลิปวิดีโออธิบายบทเรียนจะเป็นครูชาวไทยที่มีความเชี่ยวชาญในการสอนภาษาอังกฤษมาช่วยอธิบายเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนมากขึ้น ส่วนคลาสสดที่สอนผ่านซูมจะสอนโดยเจ้าของภาษาเช่นเดียวกัน เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกคุยโต้ตอบกับชาวต่างชาติในสถานการณ์จริง เพื่อลดความกลัวและความประหม่าในการพูดภาษาอังกฤษ”
“รูปแบบการเรียนในแอปพลิเคชัน Tockto (ต๊อกโตะ) เราดีไซน์ขึ้นมาสำหรับคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานมาก เพราะฉะนั้นมันจะมีฟังก์ชันในการฟังที่สามารถกดสโลว์ให้ช้าลงเพื่อฟังให้ชัดเจนขึ้น หรือเวลาฝึกพูดถ้าพูดไม่ทันก็สามารถกดสโลว์เพื่อเพิ่มเวลาในการฝึกพูดประโยคนั้น ๆ ได้ เรื่องความช้าเร็วในการเรียนรู้ เราปรับให้รองรับทั้งคนที่ไม่มีพื้นฐาน เด็ก ๆ ที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษา หรือผู้สูงอายุที่อาจจะยังตามไม่ค่อยทันด้วย หากไม่เข้าใจตรงส่วนไหนก็สามารถทวนซ้ำได้จนกว่าจะ
เข้าใจ ทุกคนสามารถมาเรียนด้วยกันได้ตามเวลาที่สะดวก เพราะแอปพลิเคชันของเราสามารถเข้าเรียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง”
เสียงสะท้อนจากผู้เรียน
ในส่วนของฟีดแบ็กที่ได้จากคนที่มาเรียนรู้ภาษาอังกฤษกับแอปพลิเคชัน Tockto (ต๊อกโตะ) มีหลากหลาย ส่วนใหญ่ผู้เรียนก็จะบอกว่าเขาสามารถพัฒนาทักษะการฟังและการพูดให้ดีขึ้น ทำให้มั่นใจในการสื่อสาร ออกเสียงได้ชัดเจน ถูกต้อง ฟังเข้าใจมากขึ้น ได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ และได้รู้จักรูปประโยคที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น และสามารถใช้สื่อสารได้จริง
เต๊เล่าถึงเสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมโครงการคนหนึ่งให้ฟังว่า “เขาบอกว่าตัวเองเกษียณแล้ว พอมีความรู้เรื่องทฤษฎีอยู่บ้าง รู้ว่าถ้าเจอคำถามแบบนี้ ต้องพูดอะไร ตอบว่าอะไร แต่ปัญหาคือพอได้คุยกับชาวต่างชาติจริง ๆ เขาฟังสำเนียงเจ้าของภาษาไม่ออก ไม่แน่ใจว่าถูกถามว่าอะไร แต่พอมาเรียนกับ Tockto (ต๊อกโตะ) ทำให้เขาฟังสำเนียงเจ้าของภาษาได้ชัดเจนขึ้น รู้ว่าตัวเองถูกถามว่าอะไร ทำให้เขาแน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิดอยู่ในหัวนั้นถูกต้อง และกล้าที่จะตอบคำถามออกไปอย่างมั่นใจ เขาก็เลยชอบแอปฯ เรา เพราะมันทำให้เขาคุ้นกับสำเนียงของชาวต่างชาติ”
จุดเด่นของ Tockto (ต๊อกโตะ)
เนทบอลเล่าถึงจุดเด่นและความแตกต่างในการเรียนภาษากับ Tockto (ต๊อกโตะ) ให้ฟังว่า “การสื่อสารมันไม่ใช่เรื่องของคำพูดเพียงอย่างเดียว แต่มันมีเรื่องของภาษาท่าทางด้วยคือมีทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษา ซึ่งถ้าคิดจาก 100 % ภาษาท่าทางนั้นมีส่วนทำให้ผู้รับสารเข้าใจเราได้ถึง 80% ส่วนคำพูดจะเป็นสารที่คนรับฟังเพียงแค่ 20% เท่านั้น ดังนั้นแอปพลิเคชันของเราจะใช้คลิปวิดีโอจากเจ้าของภาษาที่แสดงบทสนทนาต่าง ๆ ในสถานที่และสถานการณ์เสมือนจริงเป็นสื่อเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจและจดจำเนื้อหาต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
“เราทำให้การเรียนรู้ที่ปกติมันอาจจะต้องเรียนครั้งละครึ่งชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมง มาแบ่งย่อยให้มันเล็กลงเป็นครั้งละ 5-10 นาที ทำให้ผู้เรียนเข้าใจและจดจำได้ในเวลาสั้น ๆ แต่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง พอเราแบ่งการเรียนรู้เป็นแบบนี้ผู้เรียนจะสามารถเรียนรู้ตามจังหวะของตัวเองได้ และหากต้องการเพิ่มเติมส่วนไหนก็สามารถเข้าคลาสเรียนสดกับทีมผู้สอนที่เป็นเจ้าของภาษาเพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย”
เต๊ขยายความเพิ่มเติมว่า “อีกส่วนที่ทำให้ Tockto (ต๊อกโตะ) แตกต่างจากที่อื่นคือเรื่องของฟังก์ชันภายในแอปฯ เราอาจจะเริ่มเห็นว่าช่วงหลัง ๆ มานี้ เริ่มมีการนำเอาเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการเรียนการสอน เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่ AI ของที่อื่นจะตรวจจับการออกเสียงเป็นคำ ๆ แต่ AI ที่ต๊อกโตะนำมาใช้ เราจะตรวจจับการออกเสียงทีละประโยค คือ ให้ผู้เรียนพูดทั้งประโยคแล้วดูว่าคำไหนออกเสียงถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง โดยจะขึ้นเป็นแถบสีให้ดูเลยว่าใน 1 ประโยคที่ฝึกพูดนั้นเป็นสีเขียวกี่คำ ส่วนคำอื่น ๆ ที่ยังออกเสียงไม่ถูกต้องก็จะขึ้นเป็นสีเหลือง ส้ม แดง ตามลำดับ เพื่อให้ผู้เรียนได้เห็นคำที่ตัวเองยังออกเสียงไม่ชัด และสามารถย้อนกลับไปดูคลิปวิดีโอเพื่อฝึกออกเสียงใหม่ให้ถูกต้องอีกครั้ง โดยจะกดดูวิดีโอในแบบที่ดูท่าทางหรือลักษณะการพูดไปพร้อมกับการออกเสียง หรือกดฟังเฉพาะเสียงอย่างเดียวก็ได้
“ส่วนของฟังก์ชัน Duet ของเราจะคล้ายกับ Duet ของติ๊กต็อก เราจะมีปุ่มให้เปิดกล้องหน้าและเปิดไมค์ ผู้เรียนก็จะอ่านคำที่ขึ้นมาเหมือนคาราโอเกะ แล้วเขาจะเห็นว่าฝั่ง A จะพูดอะไร ฝั่ง B จะพูดอะไร แล้วเขาก็จะอัดวิดีโอตอนฝึกพูดเพื่อดูว่าตัวเองมีท่าทางหรือปฏิกิริยากับคู่สนทนาอย่างไร แล้วออกเสียงได้ถูกต้องหรือไม่ ข้อดีของฟังก์ชันนี้คือการที่เราได้เห็นสีหน้า ท่าทางของตัวเองด้วย เราเคยได้รับฟีดแบ็กจากผู้เรียนว่าตอนแรกที่เขาฝึกพูด เขาคิดว่าตัวเองออกเสียงถูกแล้ว แต่พอมาย้อนดูคลิปวิดีโอที่อัดไว้ เขาเห็นว่ารูปปากของเขายังผิดอยู่”
อยากเห็นคนไทยสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
เนทบอลพูดถึงความหวังที่เธออยากเห็นหลังจากจบโครงการฯ ว่า “สิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่เข้ามาเรียนรู้กับ Tockto (ต๊อกโตะ) คือเราอยากเห็นเขามีความมั่นใจมากขึ้นว่าเขาสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ ยังตามทันเทคโนโลยีในโลกปัจจุบัน ไม่รู้สึกว่าตัวเองล้าหลัง หรือถูกทอดทิ้งจากสังคม แต่ยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะไปต่อได้
เนทบอลกล่าวทิ้งท้ายว่า “เรื่องการสื่อสารมันสำคัญมากในโลกปัจจุบัน การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หลาย ๆ อย่าง จำเป็นต้องเรียนผ่านภาษาอังกฤษเพื่อให้เราก้าวทันโลก เรามองว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงชีวิตใครบางคนให้ดีขึ้น บางคนเปลี่ยนมายด์เซ็ตในการเรียนภาษาต่างประเทศไปเลย และได้รู้ว่าการเรียนภาษาอังกฤษนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด
“อยากชวนให้ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของโครงการฯ เปิดใจมาลองเรียนรู้ไปด้วยกัน นอกจากเป็นการฝึกสมอง และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังช่วยสร้างหัวข้อสนทนาใหม่ ๆ กับลูกหลานหรือคนในครอบครัวผ่านการเรียนภาษาอังกฤษได้ ที่สำคัญคือการมาเรียนรู้กับ Tockto (ต๊อกโตะ) จะได้เรียนรู้ร่วมกับเพื่อน ๆ ในคลาสสอนสด ทำให้เรามีกำลังใจในการเรียนรู้มากขึ้น เพราะเราได้เห็นทักษะของเพื่อน ๆ ในคลาสที่ค่อย ๆ เรียนรู้และพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และมั่นใจได้ว่าถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ทำได้เหมือนกัน”
สามารสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมโครงการฯได้ที่ Tockto – เรียนภาษาอังกฤษและจีน เหมือนเจ้าของภาษา