“เมื่อลูกต้องดูแลเรา โจทย์ของแม่คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้รบกวนเขาให้น้อยที่สุด”
มนุษย์ต่างวัยพาไปทำความรู้จักกับ แม่อร-อรสา ดุลยยางกูล คุณแม่วัย 64 ปี แม่บ้านที่ดูแลครอบครัวและลูกๆ มาตลอดชีวิต ก่อนจะมาเริ่มธุรกิจเล็กๆ ทำงานงานครา ฟท์ ภายใต้ชื่อแบรนด์ Craft it on โดยตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ หลังเกษียณ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายไม่เป็นภาระให้กับลูก
“เพราะการเป็นแม่บ้านมาตลอดชีวิตของแม่อร ทำให้ไม่ได้รับบำนาญเหมือนอาชีพอื่นๆ ลูกสาวทั้งสองคนก็จะให้เงินเดือนคุณแม่สำหรับไว้ใช้จ่าย แต่แม่อรก็คิดเสมอว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้เราจะปล่อยให้ลูกดูแลเราอย่างเดียวไม่ได้ มีทางไหนที่จะช่วยได้ เราต้องช่วยแบ่งเบาภาระลูกอีกทางหนึ่ง
“แม่จึงเป็นคนที่คิดวางแผนค่าใช้จ่ายในชีวิตอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นค่ากิน ค่าใช้จ่ายเรื่องดูแลสุขภาพ ค่าดูแลรถ เพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนลูกมาก เขาหาเงินมาได้ ก็ให้เขาใช้เงินไปกับความฝันของเขาโดยไม่ต้องห่วงแม่”
“สมัยก่อนแม่อรคือแม่บ้าน ไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้าน และเลี้ยงลูกเพียงอย่างเดียว เงินใช้จ่ายในครอบครัวก็จะมาจากคุณพ่อเป็นคนหาเป็นหลัก พอเกษียณเงินออมที่คุณพ่อสะสม ไว้ก็ จะต้องถูกนำมาหารสองใช้ด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย ลูกสาวทั้งสองคน เขาก็แอบคุยกันพี่น้องว่า จะให้เงินเดือนพ่อกับแม่ไว้ใช้จ่าย ดังนั้นทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายใน ชีวิตประจำวันก็ มาจากการที่ลูกจัดสรรให้เป็นเงินเดือน
“ยิ่งเขาให้ เรายิ่งไม่กล้าขอ จะใช้อะไรก็ต้องคิด การที่ลูกๆ ให้เงินใช้แม้เขาจะเต็มใจถามไถ่เสมอว่าแม่ต้องการอะไรไหม ลูกพร้อมจ่าย พร้อมซัพพอร์ต อยากได้อะไรให้บอก แม่ก็จะบอกว่าแม่พอแล้ว แม่ไม่อยากได้อะไรจะใช้อะไรก็ใช้ให้พังสุดๆ เพราะเราเกรงใจเขา มากๆ ใจลึกๆ แม่อยากให้เขาได้ใช้เงินที่เขาหาไปกับความฝันของเขาด้วยซ้ำ
“แม่จึงพยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ใช้จ่ายอย่างประหยัด เราก็เลยคิดว่าอยากจะหาอะไรทำเพื่อสร้างรายได้เสริม ก็มาค้นเจอความชอบที่ต่อยอดเป็นธุรกิจ เล็กๆ ก็คือแบรนด์ Craft it on แบรนด์ของใช้สุดคราฟท์ที่ลูกๆ ช่วยกันตั้งชื่อ ซึ่งแม่ตั้งใจจะสร้างธุรกิจเล็กๆ สร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อไม่ให้ลูกเป็นห่วง จะได้รู้ว่าแม่มีชีวิตที่สดใส มีงานทำ ไม่จับเจ่าอยู่หน้าทีวี ในขณะเดียวกันจะได้เป็นค่าใช้จ่าย อื่นๆ เช่น ค่าไป เที่ยว หรือซื้อของที่อยากได้ โดยไม่ต้องขอลูกทั้งหมด”
ไม่ใช่ อายุคนที่เพิ่ม อายุรถก็เช่นกัน
“พอทำธุรกิจเล็กๆ แม่ก็ต้องออกจากบ้านไปไหนต่อไหนบ้าง ทุกวันนี้แม่ยังขับรถเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเข้ามาก็คือค่า บำรุงรักษารถ ที่แม่ใช้ทุกวันนี้มาจากลูกสาวสองคนช่วยกันผ่อนให้แม่ ดังนั้นแม่จะรักและดูแลอย่างดีที่สุด ไม่เคยเอาไปชนหรือเจออุบัติเหตุเลย
“แม้ว่าเราไม่ได้ใช้รถเยอะ แต่รถเราเริ่มเก่า หมดประกันจากศูนย์ ชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ก็จะเสื่อมสภาพและเสียไปตามกาลเวลา แม่เคยต้องเสียค่าซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ช่วงล่าง รถถึง 40,000 บาท บางทีก็เสียค่าซ่อมแอร์
“สำหรับแม่ที่ไม่ได้มีรายได้สม่ำเสมอ เมื่อใช้เงินที่ลูกๆ ให้มา บางทีก็แอบรู้สึกไม่สบายใจ แม่ถือว่าเงินจำนวนนี้เยอะมากนะ เพราะเราไม่ได้มีรายได้ขนาดนั้น เวลาจะเสียค่าซ่อมทีก็จะสงสารลูกๆ
“ประกันอะไหล่รถยนต์ก็ถือว่าตอบโจทย์สำหรับแม่ เพราะเราใช้เงินก้อน เล็กๆ ซื้อความเสี่ยง”
“เพราะธรรมชาติของรถเก่าก็มักจะเสียบ่อย ยิ่งใช้งานมากขึ้น เวลารถเสีย สิ่งหนึ่งที่แม่ในฐานะคนวัยเกษียณและเป็นผู้หญิงที่ขับรถเองต้องเจอก็คือต้องเอารถเข้าอู่ซ่อม ช่างเขาก็บอกว่ามีอะไรที่ต้องเปลี่ยนบ้าง เพราะอะไหล่หมดอายุ ซึ่งแม่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้างแต่ก็ต้องเปลี่ยน เพราะทั้งหมดก็เป็นเรื่องความปลอดภัย ยิ่งใช้รถที่สภาพไม่สมบูรณ์ก็ยิ่งเสี่ยง เสี่ยงกับทั้งรถ และคนใช้รถอย่างเรา อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายอย่างอื่นตามมาหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”
ยิ่งไม่อยากเป็นภาระ ยิ่งต้องจัดการกับความเสี่ยง
“แต่ถ้าเรามีประกันอะไหล่รถ อันนี้ก็ช่วยได้มาก เพราะเมื่อรถเรามีปัญหา เราสามารถนำรถเข้าศูนย์ได้เลย ก็มั่นใจเรื่องมาตรฐานได้ แม้เราไม่มีความรู้เรื่องซ่อมรถ และคุ้มครองค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าอะไหล่ ค่าซ่อม ทำให้ไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว การประกันอะไหล่รถยนต์ก็ตอบโจทย์”
ยิ่งมีหลักประกัน ยิ่งตามความฝันได้มากขึ้น
“โบว์” พันธมน นิศาบดี ลูกสาววัย 33 ปี เธอเล่าว่า เธอไม่ได้แค่ให้แม่กับพ่อใช้จ่ายทุกเดือนแต่ยังบริหารเงิน บริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วย เช่น การทำประกันไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุรถยนต์ ประกันสุขภาพ เพื่อไม่ให้ความเสี่ยงนี้มากระทบกับค่าใช้จ่ายในครอบครัวในอนาคต
“คุณแม่เกรงใจลูกมาก บางทีก็ไม่ยอมรับเงิน แต่ลูกๆ ก็อยากให้รับ ความน่ารักของคุณแม่คือใช้เงินคุ้มค่า ใช้ของคุ้มค่า เป็นแบบอย่างให้เรามากๆ
“แม่ก็พยายามทำทุกอย่างที่จะใช้เงินให้คุ้มค่า หาหลักประกันบางอย่างมาช่วยคุ้มครอง ไม่อย่างนั้นเวลามีปัญหาต้องเสียเงินก้อนใหญ่ ซึ่งก็ทำให้กระทบต่อเงินเก็บแล้วก็ต้องกระทบต่อเงินของลูกด้วย จะได้ช่วยเหลือลูกให้เขาได้มีเงินเหลือไปเที่ยว ไปกิน ไปใช้ชีวิตตามความฝันของเขาได้มากขึ้น
“ถ้ามีประกันอะไหล่รถยนต์ช่วยก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก เพราะถ้ารถเสียก็ขับเข้าศูนย์ได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย มีคนที่เชี่ยวชาญคอยดูแลให้เรา”
ประกัน อะไหล่รถยนต์ “ Extended Warranty” โดยวิริยะประกันภัย จะกี่อะไหล่ที่เสีย วิริยะประกันภัยซ่อมห้างให้
• คุ้มครองสูงสุด 278 รายการ ครอบคลุม 14 กลุ่มอะไหล่หลักที่เป็นหัวใจสำคัญของรถหรือกลุ่มอะไหล่ที่เสียหาย บ่อยๆ อาทิ เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ชุดเฟืองท้ายและเพลากลาง ระบบส่งกำลัง ระบบบังคับเลี้ยว ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ ระบบเบรก ระบบไอเสีย ระบบหล่อเย็น ระบบความปลอดภัย ระบบอำนวยความสะดวกและระบบรองรับน้ำหนัก
• เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 3,930 บาทต่อปี และสามารถเลือกความคุ้มครองได้ตามรูปแบบที่ต้องการ กับความคุ้มครอบสูงสุดเท่ามูลค่ารถตาที่ระบุในหน้าตารางกรรมธรรม์
• ทั้งนี้ผู้เอาประกันภัยสามารถนำรถยนต์เข้าซ่อมที่ศูนย์บริการคู่สัญญาทั่วประเทศตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่ายเมื่อเข้ารับบริการ ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการซ่อม ไม่ต้องตรวจสภาพรถ
• สนใจรายละเอียดอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3tNmglV หรือติดต่อตัวแทน และสาขาวิริยะประกันภัยทั่วประเทศ โทร. 02-700-5454