การที่ลูกมีแม่อายุยืนยาวถึง 100 ปี คงไม่ใช่สิ่งที่จะพบเจอกันได้ง่ายๆ แต่ถ้าแม่มีอายุ 100 ปี แล้วยังสามารถตะลอนทัวร์เที่ยวไปกับลูก ๆ ได้ คงยิ่งเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์
วันเเม่ปีนี้ มนุษย์ต่างวัย ชวนไปติดตามเรื่องราวความรัก ความอบอุ่นของ ‘ครอบครัวสุขนิคม’ กับภารกิจการดูเเล ‘คณยายจริน’ คุณเเม่วัย 100 ปี ผู้มีหัวใจรักการออกเดินทางท่องเที่ยว
จุดเริ่มต้นในการพาเเม่อายุ 100 ปี เดินทางท่องเที่ยวด้วยรถบ้าน
“มองเห็นเเม่นั่งเบื่อ ๆ เหงา ๆ อยากไปนู่นไปนี่ ไปหาน้องสาว เเต่พอไป เเกก็อยู่ไม่ได้นาน อยู่ได้สามสี่วันก็กลับ เลยมาจับทางได้ว่า เเกชอบนั่งรถเที่ยว ชอบไปนั่นไปนี่ พอพาไปเเล้วเเกมีความสุข เเกไม่บ่น ไม่โวยวาย ถ้าเห็นเเกเริ่มไม่โอเค ก็จะเริ่มหาโปรเเกรมเเล้วว่าจะไปไหนกันดี บางทีก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะไปไหน ก็เอาเเบบนี้ละกัน ขึ้นรถไปก่อน ให้ล้อหมุนไปก่อน จะไปไหนค่อยว่ากัน เพราะถ้านั่งเฉย ๆ อยู่บ้าน เเกก็จะเบื่อ ผมเองก็เบื่อ อยู่เฉย ๆ ชีวิตนั่งอยู่เเต่กับบ้าน ข้างหน้าเป็นถนน ข้างหลังเป็นกำเเพง เหมือนใช้ชีวิตอยู่ในลังกระป๋องนม” ครูวันชัย สุขนิคม อดีตข้าราชการครู วัย 70 ลูกชาย เล่าถึงจุดเริ่มต้นพาแม่ออกเดินทาง
“หลังเกษียณผมมีฝันอยากใช้ชีวิตท่องเที่ยวเเบบเเคมเปอร์จึงเปลี่ยนรถตู้เป็นรถบ้าน เเล้วออกเดินทางทั่วไทย ผมกับแม่และภรรยาท่องเที่ยวด้วยรถบ้านเเบบนี้มาได้ประมาณ 2 ปี เเล้ว พอซื้อรถตู้ได้ ก็เริ่มทำ ใช้เวลาทำอยู่เป็นเดือน ตอนเเรกจะไปจ้างเขาทำ เเต่เขาคิดเเพงมาก ไม่มีเงิน เลยจ้างทำเเค่โครงเหล็กให้ ส่วนไม้ก็เก็บเอาบ้าง ซื้อบ้าง ตอกไปเรื่อย ๆ จนได้เป็นรถเเบบนี้ขึ้นมา สมัยก่อนตอนเป็นครู ก็ออกบางครั้งบางคราว อย่างเสาร์-อาทิตย์ ไปเที่ยวด้วยรถเก๋ง เเต่ไปเเล้วมันอยู่ได้ไม่นาน เเค่สามสี่วัน ก็ต้องรีบกลับ เพราะสู้ค่าที่พักไม่ไหว ไปสามคน ก็ต้องเสียค่าที่นอนเพิ่ม ก็เลยมองหารถมาทำรถบ้าน หาอยู่นาน กว่าจะได้รถคันนี้
“ตอนเเรกที่จะทำรถบ้านไม่มีใครเห็นด้วยเลย ภรรยา ลูกชาย ลูกสาว หรือเเม้เเต่ญาติพี่น้อง เขามองว่าสิ้นเปลือง เเล้วก็เป็นห่วง แต่พอเขาเห็นว่าเราทำเเล้วเเม่มีความสุข เขาก็เลยสนับสนุน เเล้วอยากทำตามกัน”
ครูวันชัยเล่าเรื่องการเดินทางให้ฟังว่า “เวลาเดินทางที่นานที่สุด ใช้เวลาเป็นเดือน นอนที่ละสามสี่วัน เเล้วย้ายไปเรื่อย ๆ ไปมาเเล้วเเทบจะทั่วทุกภาค ทั้งเหนือ อีสาน ใต้ ตะวันตก เวลาไปก็จะไปด้วยกันสามคน เน้นเรียบง่าย ประหยัดเเละปลอดภัย ไปเเบบง่าย ๆ เเต่ความสุขล้นเหลือ เเค่เเม่มีความสุข ภรรยามีความสุขก็พอเเล้ว”
“เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหน มีเเต่คนอยากมาทักทาย มาสวัสดีคุณยาย บางครั้งก็มาขอพร
“การพาเเม่เที่ยวทำให้เเกไม่ค่อยหงุดหงิด อารมณ์ดี ถ้าเเกมีความสุข อายุก็จะยืนยาวขึ้น ส่วนผมชอบอยู่เเล้ว ไม่ชอบอยู่บ้าน ผมชอบขับรถ ขับไปเรื่อย ๆ เที่ยวไปเรื่อย ๆ ผมมีความสุขกับการขับรถ มีความสุขกับการไปเที่ยว แล้วผมก็มีความสุขกับการที่เเม่ผมมีความสุข แค่นี้ก็พอเเล้ว
“เเม่ดูเเลไม่ยาก เพราะเเกชอบเที่ยวอย่างเดียว พาเที่ยวเเล้วเเกอารมณ์ดี ถ้าอยู่บ้านประมาณ 5 วัน แกทำท่าลงจากเตียงเเล้ว ไปหน้าบ้านเเล้ว บอกว่าอยากไปเที่ยว เวลานั่งรถไกล ๆ ทางคดโค้ง แกไม่เมารถเลยนะ เวลาอยู่ในรถ เเกก็นั่ง ๆ นอน ๆ เเต่ไม่บ่น ไม่ว่า ไม่หงุดหงิดอะไร เเต่ถ้าอยู่บ้านเเกจะหงุดหงิดนะ แกจะบ่นปวดหัว ก็จะพาออกเที่ยว พานั่งรถวนสักรอบหนึ่ง พี่คิดว่าเลี้ยงเเม่ดีกว่าเลี้ยงเด็กนะ เพราะพี่เลี้ยงหลานมาเเล้วเหนื่อยกว่านี้เยอะ” พี่จงกลณี สะใภ้เล่าให้ฟังถึงการดูแล
“เวลาเข้าห้องน้ำ ก็พาเเวะเข้าในปั๊ม หรือใส่ผ้าอ้อมให้ เเต่เเม่ไม่ค่อยถ่ายหนักอยู่เเล้ว ส่วนเวลาอาบน้ำก็จะเเวะอาบในที่ที่มีห้องน้ำผู้สูงอายุ อาบทุกวัน วันละครั้งตอนเช้า ถ้าไปที่ที่หนาวมาก ๆ อย่างเชียงรายก็จะเช็ดตัวให้เเทน ก็ไม่ลำบากนะ เรื่องกิน เเกก็กินง่าย ๆ แกชอบกินหมูต้ม ผักไม่ค่อยกิน กินหมู กินปลา เวลาไปเที่ยวก็กินปลากระป๋อง ของที่ไม่เเข็ง
มากกว่าการดูเเลเเม่ คือ ส่งต่อเเรงบันดาลใจให้คนอื่นได้
ในฐานะลูกเเละคนที่เคยเป็นครู ครูวันชัยฝากทิ้งท้ายว่า “ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ พ่อ เเม่ ลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต้องดิ้นรนออกไปทำมาหากินคนละทิศคนละทาง เมื่อก่อนประเพณีสงกรานต์ก็ต้องกลับมารวมกันที่บ้าน เดี๋ยวนี้ก็กลับไม่ได้ ทำให้พ่อ เเม่ ลูกห่างกันไปเรื่อย ๆ ตอนเเรกผมก็ไม่ได้คิดอย่างนี้นะ ไม่ได้คิด บังเอิญมันเป็นข่าวขึ้นมา เเล้วมันมีจุดดี จุดเด่น เออ…มันก็ดีนี่ หนึ่งเราเป็นครูสอนคนอยู่เเล้ว สองเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเขามาทำตามแบบนี้ คนที่ทำไม่ได้ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เราก็ไปบังคับเขาไม่ได้ ความจำเป็นของเเต่ละชีวิตมันไม่เหมือนกัน คนที่พอจะทำได้ ก็สนับสนุนให้ทำ อย่างน้อย ๆ คนที่ทำ คุณก็มีความสุขเอง ไม่ต้องไปตีเป็นเงิน เเค่ตัวเองมีความสุข ลองดู ผมลองเเล้ว”