คุณยังจำทรงผมตีกระบังหน้า หรือที่บางคนเรียกว่าทรงผมสระอิ ที่เป็นที่นิยมเมื่อ 30-40 ปีก่อนได้ไหม ผู้หญิงน้อยคนนักในยุคนี้ยังรักษาทรงผมยอดนิยมแบบนี้ไว้ไม่เปลี่ยนไปตามแฟนชั่นของยุคสมัย
มนุษย์ต่างวัยคุยกับ ถนอมศรี อมาตยกุล หรือที่ใครๆ เรียกติดปากว่า “ป้าหนอม” อายุ 68 ผู้อยู่กับการทำผมตีกระบังเป็นสระอิมานานกว่า 20 ปี อะไรที่ทำให้เธอยังมั่นใจและคงเอกลักษณ์ความเป็นตัวของเธอเอง ที่ยังมั่นใจและภูมิใจในความเป็นตัวเองแบบนี้ได้ เชยในสายตาคนอื่น แต่ทำไมยังเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมั่นใจ ความคิดของป้าหนอมอาจจะทำให้เรามั่นใจและเข้าใจถึงคำว่า “สวยในแบบที่เราเป็น”
ใครๆ ว่าเชยแต่ป้าภูมิใจในความเป็นตัวเอง
“ป้าทำผมตีกระบังมา 20 ปี ใครมองว่าเชย แต่สำหรับป้ามันคือความสวยในรูปแบบของเราที่เรามั่นใจ แม้จะมีคนแซวหรือมองว่าป้าเชย ชอบแซวว่าต้องตื่นมาเซ็ตผมตั้งแต่กี่โมงถึงออกจากบ้านได้ แต่สำหรับป้าทรงผมนี้กลับเป็นสิ่งที่ภูมิใจ ถึงแม้จะไม่ได้เปลี่ยนตามยุคสมัย แต่เป็นความสวยในรูปแบบที่พอใจไม่ต่างอะไรกับเด็กๆ ที่อยากทำทรงผมที่ทำแล้วมั่นใจที่สุด วันไหนไม่ตีกระบัง จะไม่มั่นใจ
“ป้าหนอม เป็นอดีตข้าราชการอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนั้นพอเราก้าวเข้ามาทำงานสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองคือ ‘ให้เกียรติเครื่องแบบที่ใส่’ ในตอนนั้นป้ารู้สึกว่าในเมื่อได้รับการคัดเลือกบรรจุเข้ามาเป็นข้าราชการ เป็นข้าของแผ่นดิน ชุดที่ใส่ก็มีเกียรติ ช่วงนั้นจึงเป็นช่วงที่ป้าหนอมค้นหาทรงผมที่เข้ากับตัวเองมากที่สุด โจทย์ก็คือต้องสวย และทำให้มั่นใจในแบบของเรา และเรียบร้อยถูกกาลเทศะกับสถานที่และชุดที่สวมใส่
“ป้าลองมาหลายแบบนะ ผมหน้าม้าก็ไม่เข้ากับเราเพราะเราผมน้อย จนมาลองหัดเซตผมเป็นกระบังขึ้นมันทำให้หน้าเราอวบอิ่มสดชื่น ที่สำคัญคือเรียบร้อย ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ก็ 20 ปีแล้ว ที่ป้าอยู่กับผมทรงนี้มา”
ไม่เหนื่อยที่ต้องตื่นมาทำผมตั้งแต่ตี 4 ก่อนออกไปทำงานทุกวัน
“หลายคนชอบแซวว่าต้องตื่นมาตั้งแต่ตี 4 เลยไหมถึงจะได้ทรงนี้ ซึ่งป้าก็ตื่นตี 4 จริงๆ เพราะป้าต้องทำผมเอง ไม่ได้ไปที่ร้าน เพราะเป็นการประหยัดมากกว่า ผมสไตล์ป้าหนอมก็จะเป็นกระบังไม่สูงมาก เน้นเปิดหน้า เพราะผมแบบเปิดหน้าจะทำให้หน้าตาดูสดใส เหมือนโชว์โหงวเฮ้งรับทรัพย์ ข้อดีคือผมป้าจะอยู่ทรงทั้งวัน ไม่มีกระดิก ตอนทำก็ต้องไดร์ผมตรงกระบัง แล้วใส่น้ำมันข้างหลังเพื่อเก็บผมให้เรียบร้อย วันไหนไปเที่ยวก็ติดกิ๊บหน่อย สวยง่ายๆ สไตล์ป้าหนอม”
ไปไหนหาป้าหนอมไม่เจอให้สังเกตผม
“ใครมาหาป้าไม่เจอ แค่ดูผมจะจำได้ บางคนไม่เจอกันเป็นสิบปี เราใส่แมสด้วย แค่เห็นผมคือจำได้เลยว่าถูกคนแน่นอน สำหรับป้า มองมันเป็นข้อดี เพราะการที่เราทำทรงนี้มาตลอดคนก็จะจำในเอกลักษณ์ของเราได้ แม้กระทั่งตัวเองเวลาถ่ายรูปหมู่ ป้าก็จะสังเกตผมตัวเองเป็นอันดับแรกเลย เจอผมตีกระบังตั้งสง่า นั่นแหละป้าหนอมตัวจริง
“มีคนชวนให้ป้าเปลี่ยนทรงผมหลายคนมาก เขาบอกเราไม่ทันสมัย ส่วนตัวป้าก็ไม่ได้สนใจคำพูดของคนอื่น ทรงผมทรงนี้ในวัยที่โตขึ้นมันมีเหตุผลในการทำ เรายิ่งอายุมากขึ้น หน้าตาความสดใสเราน้อยลงและป้าเป็นคนที่ผมน้อย คนเราแก่ตัวไปผมก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ดังนั้นมันมีไม่กี่ทรงที่จะทำให้เรามั่นใจ ถึงแม้จะอายุเยอะแล้ว แต่ทรงผมก็คือตัวตน คือความมั่นใจ คือความสวย ที่ไม่ว่าวัยไหนเราก็อยากดูดีที่สุด
“ถ้าให้ป้าไปซอยผมสั้น หรือตัดหน้าม้า ในวัยนี้กับการที่เราทำทรงนี้มาทั้งชีวิต ป้ามองว่าจากที่เรามั่นใจว่าดูดีในแบบของเรา ก็จะทำให้กลายเป็นคนไม่มั่นใจ ผู้หญิงทุกคนคงรู้ดีว่าความไม่มั่นใจในตัวเอง มันไม่มีความสุขเลยจริงๆ
“ตอนนี้ป้าเองก็ผมเริ่มขาว ตัดสินใจไม่ย้อมผมเช่นกัน เราไม่ได้สวนกระแสกับโลกทำตัวหัวโบราณคร่ำครึแต่มันเป็นความงามตามช่วงวัย บางครั้งแม้จะไม่ได้เปลี่ยนตัวเองให้ทันสมัยก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สนใจว่าโลกจะหมุนไปอย่างไร แต่เราเลือกแล้วมากกว่าว่าสิ่งนี้คือความสุขที่เรามั่นใจที่สุด
“สำหรับใครที่ตั้งคำถามถึงทรงผมสระอิแบบคนรุ่นป้า ว่าทำไมยังทำอยู่อีกเพราะกว่าจะทำได้ก็ต้องเตรียมเวลามากกว่าคนอื่น เหตุผลง่ายๆ ก็คือมันคือทรงที่เขาทำแล้วมั่นใจที่สุดแล้ว การที่เราทำอะไรแล้วมั่นใจ เราจะมีความสุขเพราะว่า มันเป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดแล้ว”