การกลับมาได้รับความนิยมของกล้องฟิล์มทำให้ร้านไชยโฟโต้ ย่านวัดมังกร เยาวราชกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากที่เงียบเหงาจนมาตลอดหนึ่งทศวรรษ อากง เจ้าของร้านไชยโฟโต้ ซัพพลาย อายุ 81 ปี หรือที่รู้จักกันดีในทวิตเตอร์ว่าเป็นตำนานร้านกล้องฟิล์มย่านวัดมังกรขวัญใจวัยรุ่นและคนรักฟิล์ม
10 ปีที่ผ่านมาอากงต่อสู้อย่างหนักกับการเปลี่ยนผ่านจากยุคแอนะล็อกสู่ยุคดิจิทัล
มนุษย์ต่างวัย : อากงเปิดร้านมานานหรือยัง ทำไมถึงมาเปิดร้านได้ ?
อากง : “ร้านนี้ชื่อว่าไชยโฟโต้ ซัพพลาย ผมเปิดร้านนี้มา 26 ปีแล้ว เป็นธุรกิจของครอบครัวที่ส่งต่อกันมา ซึ่งผมจะขายคู่กันกับภรรยามาตลอด ขายมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นรูปขาวดำ สมัยที่กล้องยังเป็นตัวใหญ่ๆ ที่เวลาจะถ่ายต้องใช้ผ้าสีดำคลุมข้างหลังกล้องบนช่องมองภาพ และคลุมหัวไว้จะได้มองภาพได้ชัดเจนตอนที่ปรับความคมชัด เหมือนที่คนสมัยนี้น่าจะเคยเห็นในละครย้อนยุคที่เขาเอามาฉายกัน ที่ร้านผมขายทุกอย่างที่เกี่ยวกับกล้อง ทั้งอุปกรณ์กล้อง กล้องฟิล์ม ขาตั้ง ไฟ ครบวงจร เรียกได้ว่าถ้าสมัยนั้นใครคิดจะเปิดร้านถ่ายภาพ มาหาผมที่เดียวสามารถเปิดร้านได้เลย”
มนุษย์ต่างวัย : ทำไมร้านอากงไม่เปลี่ยนไปขายกล้องดิจิทัล
อากง : “สมัยก่อนกล้องฟิล์มเป็นที่นิยมมาก แล้วมันก็มีเสน่ห์มากนะ มันไม่ง่ายเหมือนสมัยนี้ การจะถ่ายภาพสักภาพเราต้องปรับ ต้องเล็งแล้วเล็งอีก เพราะพอถ่ายออกมามันไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว เหมือนเก็บความทรงจำ ณ ตอนนั้นเอาไว้ มันไม่เหมือนกล้องดิจิทัลที่มันเป็นการเก็บความทรงจำแบบสำเร็จรูป ถ่ายกี่ครั้งก็ได้ ไม่ชอบก็ลบใหม่ สำหรับผมมันดูง่ายและสำเร็จรูปเกินไป ผมก็เคยคิดจะเอากล้องดิจิทัลมาขายนะนะ แต่สุดท้ายเราไม่ชอบ ไม่มีเหตุผลแต่แค่รู้ว่ามันไม่ใช่ตัวเรา ถ้าเราไม่ชอบเราก็ไม่ขายดีกว่า”
มนุษย์ต่างวัย : แล้วการเปลี่ยนจากกล้องฟิล์มไปสู่กล้องดิจิทัล มีผลอะไรกับร้านของอากงไหม
อากง : “ถ้าถามว่ากระทบขนาดไหน ลองคิดภาพดูนะในยุคแอนะล็อกที่กล้องฟิล์มเฟื่องฟู เราอาจจะขายได้ 10 แต่พอเข้ามายุคดิจิทัลก็ขายได้แค่ 1 รายได้หายไป 90 % หลายๆ เจ้าก็พากันปิดตัวไปเป็นแถบๆ จนคิดว่ามันคงถึงจุดสิ้นสุดของธุรกิจเก่าๆ กล้องแบบเก่าๆ ไม่ทันยุคทันสมัย แต่ผมไม่เคยคิดจะปิดร้านเลยนะ ไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่ในหัวเลย เพราะเราต้องทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง คิดอย่างเดียวว่าเราจะทำอย่างไรให้ร้านมันไปต่อได้ ให้ธุรกิจของครอบครัวมันดำเนินต่อไปได้ เราก็เลยเน้นขายพวกอุปกรณ์กล้องอย่างอื่นเสริมเข้ามา ให้ร้านไปต่อได้”
มนุษย์ต่างวัย : อากงรู้สึกอย่างไรบ้างที่คนรุ่นใหม่กลับมาสนใจกล้องฟิล์มอีกครั้ง
อากง : “ตามประสาคนทำมาค้าขายก็ต้องรู้สึกดีใจที่ของเราขายได้ หลังจากเงียบเหงามาเป็น 10 ปี พอวันนึงคนรุ่นใหม่เขากลับมานิยมชอบกล้องฟิล์ม แล้วคนมาถ่ายอากงอาม่าเอาไปลงในเน็ตคราวนี้ก็ดังใหญ่เลย ยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมอยู่ดีๆ คนก็แห่มาซื้อ ทำให้ตอนนี้ผมได้เจอวัยรุ่นเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ มีวัยรุ่นเข้ามาทักทายมาพูดคุย ที่สำคัญคือเด็กที่มาซื้อบางคนเขาไม่มีความรู้เรื่องกล้อง เรามีความรู้เราได้ถ่ายทอดได้บอกลูกหลานดีกว่ากอดความรู้ไว้กับตัว บางคนมาซื้อเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง จะใช้กล้องแบบไหน ต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ใช้ฟิล์มแบบไหน ผมก็แนะนำเขาไป ทำให้ร้านนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในขณะที่ตัวผมก็สดชื่นมากๆ เพราะได้ขายของ ได้เงิน และยังได้เจอคนรุ่นลูกรุ่นหลานเต็มไปหมด”
มนุษย์ต่างวัย : อากงอายุ 81 แล้วไม่คิดจะพักบ้างเหรอ
อากง : “เรายังเดินได้ แข็งแรง จะไปนั่งๆ นอนอยู่เฉยๆ ทำไม การได้ออกมาค้าขายเราก็เหมือนได้ออกกำลังกาย ได้คุยกับลูกค้า ถ้าจะพักเพื่อเอาตัวเองไปนอนหน้าทีวีไปวันๆ ผมไม่ทำ ผมไม่อยากมีชีวิตแบบนั้น”
มนุษย์ต่างวัย : แล้วความสุขในวัย 81 ของอากงคืออะไร
อากง : “มีงานทำก็มีความสุขแค่นั้นแหละสั้นๆ จบ”