โกฟาด-สิงห์นักบิดพิชิตความชรา

ใฝ่ฝันและคลั่งไคล้ใหลหลงในเสน่ห์ของมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ยังเด็ก และฝันว่าจะได้ขับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ออกเดินทางไปทั่วประเทศ ทว่าความจริงของชีวิตทำให้ผู้ชายคนหนึ่งต้องเก็บพับความฝันของตัวเองเอาไว้ก่อน หากแต่เขาก็ไม่เคยโยนมันทิ้งไว้กลางทาง ในวัยแซยิดชายคนเดียวกันนี้กลับมาทำตามความฝันในวัยเด็กอีกครั้ง ด้วยการขับบิ๊กไบค์คู่ใจออกเดินทางไปทั่วทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นี่คือชีวิตของโกฟาด – ชายวัย 68 ปีผู้เป็นสิงห์นักบิด และกำลังเดินหน้าพิชิตความชรา 


ความฝันบนหลังมอเตอร์ไซค์

ในตัวเมืองจังหวัดน่าน หากจะพูดถึงร้านแว่นตาและนาฬิกาที่มีคุณภาพและชื่อเสียง ร้าน ‘เวียงทองการแว่น’ น่าจะเป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง เจ้าของร้านมีชื่อว่า นิวัตร ตั้งเที่ยงธรรม หรือที่ผู้คนทั่วไปเรียกกันติดปากว่า ‘โกฟาด’

แม้จะมีความชำนาญในเรื่องแว่นตาและนาฬิกาชนิดหาตัวจับยาก แต่โกฟาดกลับหลงใหลเสน่ห์ของมอเตอร์ไซด์ตั้งแต่ยังเด็ก ความฝันของเด็กชายนิวัตร คือการได้ขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ๆ ออกเดินทางไปทั่วประเทศหากสักวันความฝันเป็นจริงตัวเขาคงไม่ต่างอะไรจากนกที่โบยบินไปบนฟ้ากว้าง

“เราขับมอเตอร์ไซค์เป็นครั้งแรกตั้งแต่อายุ 12-13 ปี แต่เป็นการขี่แบบทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่ที่ชอบคือมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ๆ ซึ่งในเวลานั้นก็คือพวกโมโตครอส มอเตอร์ไซค์แนวกึ่งวิบาก ที่แข่งกันในสนามดิน มีการกระโดดข้ามเนิน ข้ามลูกระนาด สมัยนั้นยังไม่มีบิ๊กไบค์ เหมือนอย่างทุกวันนี้”

ทุกครั้งที่มีการแข่งขันโมโตครอสที่ภาคเหนือไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดเชียงราย แพร่ หรือ พะเยา โกฟาดซึ่งอยู่ในวัยหนุ่มมักจะเดินทางไปชมติดขอบสนามเสมอ หลังกลับมาชายหนุ่มก็จะมาเปิดนิตยสารเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์อ่านและดูรูปวนไปวนมา บางครั้งก็ทดลองปรับแต่งมอเตอร์ไซค์ที่บ้านด้วยตนเอง เรียกว่าขอให้ทำอะไรก็ได้ที่อยู่กับเจ้าเครื่องยนต์สองล้อนี้ เขาจะมีความสุขมาก

“เรามีความฝันนะ อยากจะนั่งมอเตอร์ไซค์ที่เราชอบ แล้วขับไปทั่วประเทศ เราคิดว่ามันคงเป็นความรู้สึกที่โล่ง รู้สึกเป็นอิสระ เราฝันอย่างนี้ตั้งแต่เป็นหนุ่ม คิดว่าสักวันจะต้องทำให้ได้”

ในชีวิตของคนเราไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ความฝันกับความจริงจะเดินทางมาบรรจบพบเจอกัน ชีวิตของโกฟาดก็เช่นกันความจริงของชีวิตทำให้เขาต้องเก็บพับความฝันใส่ลิ้นชักความทรงจำเอาไว้ก่อน

“เราแต่งงานตอนอายุ 26 หลังจากนั้นก็มีลูกอีก 4 คน ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้าเราจะเอาเงินไปซื้อมอเตอร์ไซค์มาขับแทนที่จะเอาเวลามาสร้างครอบครัวให้มีอยู่มีกิน”

หากในเวลานั้นชีวิตคือการขับขี่มอเตอร์ไซค์ โกฟาดก็มีสองเส้นทางให้ต้องเลือกบิดทะยานไปข้างหน้า เส้นหนึ่งคือเส้นทางของความฝันที่เต็มไปด้วยความสุขและเสรีภาพบนหลังอานมอเตอร์ไซค์ อีกเส้นคือเส้นทางของความเป็นจริงกับการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี

โกฟาดเลือกเส้นทางหลัง เขาออกสตาร์ทและบิดคันเร่งไปยังเส้นทางที่เป็นความจริงของชีวิต 

ความจริงของชีวิต

สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้โกฟาดต้องพับเก็บความฝันเอาไว้ก่อนก็คือร้านเวียงทองการแว่นของเขาเกิดไฟไหม้หลังจากเพิ่งเปิดกิจการไปได้ไม่นาน

“ในเวลานั้นลูกชายคนโตของเราเพิ่งอายุได้แค่ 6 เดือน เราต้องอพยพย้ายครอบครัวมาเช่าบ้านในตัวเมือง แล้วก็ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นอีก 2 ปี ถึงได้เปิดร้านอีกครั้งซึ่งเป็นร้านที่เปิดมาจนถึงทุกวันนี้”

โกฟาดใช้เวลาเกือบ 40 ปี สร้างครอบครัวจนมีฐานะมั่นคง จนอายุล่วงเข้าไปสู่ปีที่ 60 จึงเปิดลิ้นชักความทรงจำแล้วนำความฝันออกมาปัดฝุ่นอีกครั้ง

“เราไม่ได้คิดว่าจะขับจริงจังหรอกเพราะเราห่างเรื่องมอเตอร์ไซค์ไปนาน แต่เผอิญข้างบ้านเขาเอารถมาขายให้ เราเลยซื้อไว้เป็น Kawasaki 250 cc พอเราได้คันนี้มา วันหนึ่งพวกเพื่อนๆ น้องๆ ในจังหวัดเขาชวนไปออกทริปสั้นๆ ที่อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ปรากฏว่าด้วยความที่ทักษะเรายังไม่ดีและรถเราเล็กแค่ 250 cc ซึ่งแต่ละคนเป็นบิ๊กไบค์ขนาด 650 cc ขึ้นไป ทำให้เราตามเขาไม่ทัน เมื่อกลับมาจากทริปนั้น เราเลยคิดว่าต้องหารถที่ใหญ่กว่านี้”

หลังกลับมาจากทริปเปิดตัวครั้งแรกในวัยแซยิด โกฟาดก็เข้าสู่วงการบิ๊กไบค์อย่างเต็มตัว โดยตอนนี้ในวัย 68 ปี เขามีมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์อยู่ในความครอบครองมากมายหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น แนววิบาก แอดเวนเจอร์ สปอร์ตทัวริ่ง ฯลฯ อย่างไรก็ตามโกฟาดให้ความเห็นว่าสำหรับผู้ที่จะเล่นหรือเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์นั้น มีใจรักที่จะขับขี่อย่างเดียวอาจจะไม่พอ หากแต่ต้องมีเงินเก็บสะสมที่จะซื้อหามาขับแล้วไม่ทำให้ชีวิตเดือดร้อนด้วย

“ต้องยอมรับว่าบิ๊กไบค์เป็นรถที่ราคาค่อนข้างสูง คนที่จะซื้อมาขับก็ต้องมีความพร้อมในด้านทุนทรัพย์พอสมควร ฉะนั้นหากเป็นคนที่เรียนจบใหม่ๆ แล้วที่บ้านไม่ได้มีฐานะก็อยากให้ทำงานเก็บเงินให้ดี อย่าให้ความชอบของเราทำให้ชีวิตต้องเดือดร้อน สรุปก็คือจะทำอะไรก็ขอให้พิจารณาดูความเป็นจริงของชีวิต ว่าสิ่งที่เรารักกับความจริงมันเดินไปด้วยกันได้ไหม”

หลังจากหมักบ่มความฝันในชีวิตมาเนิ่นนาน ในที่สุดโกฟาดก็ได้ใช้ชีวิตอยู่บนอานมอเตอร์ไซค์ ตามที่หัวใจเรียกร้องเสียที

แม้จะเป็นจริงในช่วงสูงวัย แต่ความฝันก็ไม่มีวันหมดอายุ

ความฝันไม่มีวันหมดอายุ

ในวัย 68 โกฟาดได้ขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ออกทริปไปกับพรรคพวกอย่างที่หัวใจต้องการ แน่นอนว่าแทบทุกทริปที่ขับขี่เขาเป็นคนที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย

บางทริปเป็นการขับขี่ในประเทศใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน หรือไม่ก็ไปเช้า-เย็นกลับ บางทริปไปต่างประเทศใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หลายที่เป็นที่ที่เขาเองไม่เคยคิดว่ามีโอกาสจะได้ไป บางแห่งใช้เวลาบากบั่นรอนแรมอยู่บนหลังบิ๊กไบค์อยู่เป็นเดือนๆ เพียงเพื่อจะได้เห็นและสัมผัสความรู้สึกเพียงแค่ไม่กี่นาที

“ทริปที่เราประทับใจที่สุดก็คือทริปไปพุทธคยาที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ทริปนี้ใช้เวลาในการเดินทางถึง 1 เดือน ต้องเริ่มเดินทางจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ข้ามไปฝั่งพม่า แล้วยิงยาวทแยงออกชายแดนอินเดีย ออกภูฏาน เข้าเนปาลแล้ววกเข้าอินเดียอีกรอบ เป็นทริปที่เดินทางเหนื่อย แต่ก็นับว่าคุ้ม ซึ่งในฐานะชาวพุทธ การได้ไปเห็นไปอยู่ท่ามกลางสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านับเป็นสิ่งที่สุดยอดแล้ว”

การเดินทางที่ทรหดเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงวัย ยิ่งกับครอบครัวด้วยแล้ว ความวิตกกังวลในแต่ละครั้งที่โกฟาดออกทริปย่อมมีอยู่ไม่น้อย

“ถามว่าครอบครัวเป็นห่วงเราไหม เขาห่วงแน่นอน ยิ่งเราเคยประสบอุบัติเหตุมาแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะไม่ห่วง แต่เราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ ซึ่งสุดท้ายเขาเองก็เข้าใจและยินดีให้เราทำในสิ่งที่ชอบ ขณะที่เราเองก็รับปากกับภรรยาและลูกๆ ว่าจะออกทริปต่างประเทศให้น้อยลง”

อุบัติเหตุที่โกฟาดหมายถึงคือการออกทริปที่ประเทศลาวเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งในขณะนั้นยังมีประสบการณ์ในการขับขี่น้อยอยู่ จึงเผลอเร่งความเร็วเพื่อต้องการที่จะไล่ตามเพื่อนให้ทัน แทนที่จะขับอยู่ในระดับความเร็วของตัวเอง ผลที่ตามมาคือรถของเขาหลุดโค้งอัดเข้ากับรถยนต์ที่วิ่งสวนมา ซี่โครงร้าวทั้งหมด 6 ซี่ ต้องนอนโรงพยาบาล 3 วัน

“ตอนกลางคืนนี่นอนไม่ได้เลย มันปวดและอึดอัดมาก ขยับไม่ได้รู้สึกเหมือนกับมีคน 2 คนนั่งทับอยู่บนตัวเรา แต่เราก็ไม่ได้เข็ดหรือคิดจะล้มเลิกความตั้งใจนะ อุบัติเหตุครั้งนี้มันก็เป็นบทเรียนสอนเรา และทำให้เราปรับปรุงเทคนิคการขับบิ๊กไบค์ให้ดีขึ้น”

หลังจากพักฟื้นจนร่างกายหายดี โกฟาดก็กลับมาขับมอเตอร์ไซค์ที่เขารักอีกครั้ง เป็นการกลับมาที่ทำให้คนสูงวัยอย่างเขาได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง

เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าการเดินทางแบบ ‘ เนื้อหุ้มเหล็ก ’ คืออะไร และการขับบิ๊กไบค์ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็ว


บิ๊กไบค์ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็ว

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสน่ห์ของบิ๊กไบค์อย่างหนึ่งคือเป็นรถที่ทำความเร็วได้มากกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไป ทว่าสำหรับโกฟาดคนจะขับบิ๊กไบค์ได้ดีไม่ใช่สักแต่ว่าทำความเร็วให้ได้สูงๆ แต่คือคนที่ต้องมีทักษะ รู้จักตัวเอง และมีความเตรียมพร้อมทางด้านร่างกายที่ดี

“การขับขี่มอเตอร์ไซค์ทุกชนิดมันคือการเดินทางแบบเนื้อหุ้มเหล็กทั้งหมดยิ่งกับบิ๊กไบค์ซึ่งเป็นรถที่มีความเร็วสูง เรายิ่งประมาทและพลาดไม่ได้เลย แค่คุณวูบ 1-2 วินาทีนี่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ทันที เพราะฉะนั้นทักษะในการขับขี่เป็นเรื่องสำคัญ คุณต้องรู้ว่าวินาทีไหนหรือในสถานการณ์แบบไหนควรจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งเรื่องทักษะนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์นอกจากนั้นคุณก็ต้องประเมินตัวเอง ต้องรู้จักตัวเองว่ามีทักษะดีไหม ขับขี่เก่งหรือยัง ต้องอ่านตัวเองให้ออกว่าควรขับอยู่ในความเร็วของตัวเองเท่าไหร่ที่จะเอารถอยู่และไม่เป็นอันตราย

“ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือคุณต้องดูแลสุขภาพให้ดี การจะออกทริปแต่ละครั้งสุขภาพต้องแข็งแรง เพราะมันใช้ร่างกายและพลังงานเยอะ ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดนอน และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เรื่องเหล่านี้มันส่งผลต่อการขับขี่ทั้งหมด ยิ่งเราอายุ 68 แล้ว สูงอายุกว่าทุกๆ คนในกลุ่ม เรายิ่งต้องดูแลตัวเองให้มากกว่าคนอื่น บางทริปเราเตรียมความพร้อมก่อนเป็นเดือน”

ทุกวันนี้นอกจากทานอาหารหลักโดยเน้นไปที่การทานผลไม้เป็นประจำแล้ว โกฟาดยังทานอาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่ในด้านการพักผ่อนก็นอน 6-8 ชั่วโมงต่อวัน รวมทั้งออกกำลังกายด้วยการเดินเร็วอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมงไม่เคยขาด ทุกสิ่งทุกอย่างมีจุดหมายก็เพื่อที่จะได้ขับขี่เจ้ารถสองล้อคันใหญ่คู่ใจให้ได้ดีและยาวนานที่สุด

“การขับบิ๊กไบค์ในวัยนี้ของเรามีประโยชน์หลายอย่างนะ มันทำให้เรารู้จักดูแลตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว คือคุณต้องสุขภาพดีเป็นโรคไม่ได้ นอกจากนี้ยังทำให้เรามีเพื่อนฝูงมีสังคม ได้พูดคุยกันเรื่องต่างๆ ทำให้ชีวิตสดชื่นไม่ห่อเหี่ยว ถ้าเราไม่ได้ขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์วันนี้ก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นยังไงเหมือนกัน หัวใจเราคงไม่รู้สึกกระชุ่มกระชวยแล้วก็ไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นหนุ่มเพิ่มขึ้นเหมือนอย่างวันนี้

คงเป็นคนแก่ธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ทำตามความฝัน แล้วก็มีชีวิตอยู่ไปวันๆ เท่านั้นเอง

Credits

Authors

  • ปองธรรม สุทธิสาคร

    Author & Photographerเป็นคนเขียนหนังสือ ที่หลงใหลในวรรณกรรมน้อยกว่ากีฬา และภรรยาของตนเอง ยามว่างหากไม่ใช้เวลาไปกับการนั่งคุยกับคน ก็มักหมดเวลาไปกับการนั่งดูบาส ดูบอล และละครน้ำเน่า นักเขียนวัยหลักสี่คนนี้ยืนยันว่าตนเองคือนักอุทิศเวลาให้กับความขี้เกียจ เนื่องจากเขามีความเชื่อว่าชีวิตที่ดีต้องเป็นชีวิตที่ขี้เกียจได้

  • บุญทวีกาญน์ แอ่นปัญญา

    Cameramanเดินให้ช้าลง ใช้เวลามองความสวยงามข้างทาง

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ