ชีวิตของพ่อค้าบะหมี่ธรรมดาๆ ที่ได้รับการชักชวนจากลูกชายให้ลองมาถ่ายทอดเคล็ดลับการทำอาหารในช่องยูทูบ ก่อนที่จะกลายเป็นยูทูบเบอร์สายอาหารชื่อดังที่มียอดผู้ติดตามเกือบ 90,000 s ubscribe ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี
เงินทอง รายได้ ชื่อเสียง ทุกอย่างเพิ่มเติมเข้ามาตามความสำเร็จ ทว่านั่นไม่ใช่คำตอบทุกอย่าง ความสุขที่แท้จริงของการทำช่องเดอะแป๊ะสุน Official ก็คือการที่พ่อคนหนึ่งได้จับมือกับลูกชายผลิตคอนเทนต์ดีๆ ไปด้วยกัน
บะหมี่ในตำนาน
ย้อนกลับไปราว 60-70 ปีก่อน ไม่มีใครในตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตลาดใหญ่ใจกลางเมืองชลบุรี ที่ไม่รู้จักร้านแป๊ะสุน ร้านบะหมี่เจ้าอร่อยชื่อดังที่มีทั้งบะหมี่เป็ดตุ๋น และบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงเลิศรส
ร้านแห่งนี้เปิดขายมาตั้งแต่ พ.ศ 2495 ถึงวันนี้ก็เกือบ 70 ปีแล้ว ปัจจุบันด้วยความที่เมืองขยายและเติบโตขึ้น วันชัย วณิชชูวงศ์ ลูกคนสุดท้องผู้สืบทอดกิจการบะหมี่ต่อจากคุณพ่อ ได้ย้ายร้านมาอยู่ที่ย่านเมืองใหม่ชลบุรี แม้จะเปลี่ยนทำเลใหม่แต่เขายังคงเอกลักษณ์ในการทำบะหมี่แบบดั้งเดิมเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
บะหมี่แป๊ะสุนยังคงขึ้นชื่อว่าเป็นบะหมี่เหนียว นุ่ม เด้ง ละมุนลิ้นไม่เหมือนใคร
“แป๊ะสุนคือพ่อผมเอง ร้านของพ่อขายบะหมี่ คนเขาเลยเรียกกันว่าร้านแป๊ะสุน รู้จักกันหมดทั้งตลาด จำได้ว่าสมัยเด็กๆ เพื่อนจะมาหาที่บ้านแต่เขาไม่รู้ว่าบ้านผมตรงอยู่ไหน ผมเลยบอกเขาให้ไปถามรถสามล้อถีบคันไหนก็ได้ในตลาด บอกไปร้านแป๊ะสุน เดี๋ยวเขาก็ขับมาจอดถึงที่เอง
“สาเหตุที่ร้านเราเป็นที่รู้จัก นอกจากเป็นร้านที่เปิดมานานตั้งแต่สมัยก่อนที่เมืองยังเล็ก ทำให้คนส่วนใหญ่รู้จักกันหมดแล้ว ก็คงเป็นเพราะบะหมี่ร้านเราเป็นบะหมี่สดนวดมือ ทำให้เส้นนุ่มเหนียวเด้งกว่าบะหมี่ที่ผลิตจากเครื่อง”
วันชัยอธิบายว่า การทำบะหมี่ด้วยเครื่องจักรเป็นเรื่องของอุตสาหกรรมขายส่งที่ต้องผลิตให้ได้ปริมาณมาก เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องทำเนื้อบะหมี่ให้แห้งเข้าไว้ เพราะด้วยคุณสมบัติของแป้งที่ใช้ทำบะหมี่ เมื่อเวลาผ่านไปมันจะคายน้ำออกมาทำให้บะหมี่เละ นอกจากนี้การทำให้เส้นแห้งจะทำให้เสียช้า แต่แน่นอนว่าต้องมีการใส่สารกันบูดเข้าไปด้วยเพื่อให้บะหมี่อยู่ได้นานๆ
ในขณะที่บะหมี่ร้านแป๊ะสุนเป็นบะหมี่สดนวดมือที่ทำใหม่แบบวันต่อวัน เส้นบะหมี่จึงอยู่ได้ไม่นาน วันชัยบอกว่า เส้นของที่ร้าน ถ้าวางไว้ข้างนอกไม่แช่เย็นวันเดียวก็เสีย แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นคุ้มค่า เพราะเส้นสดใหม่มาพร้อมคุณภาพที่ดีกว่า เปรียบเทียบให้เห็นภาพ คือระหว่างการกินปลาสดกับปลาแช่แข็ง ที่ไม่ว่าอย่างไรปลาสดก็ย่อมมีรสชาติที่ดีกว่า
“ทุกวันนี้ ร้านบะหมี่ทำมือในย่านนี้แทบไม่มีเหลืออยู่แล้ว มีแต่ร้านเราที่เปิดมาเกือบ 70 ปี ที่ยังคงนวดมือเหมือนเดิม นวดมาตั้งแต่รุ่นพ่อยันมาถึงรุ่นลูก” วันชัยเล่าพร้อมรอยยิ้ม
ถึงวันที่ต้องปิดกิจการ
แป๊ะสุนมีลูกชายล้วนทั้งหมด 5 คน โดยวันชัยเป็นลูกหลงคนสุดท้อง ลูกทุกคนต่างเรียนรู้เคล็ดลับการทำบะหมี่จากแป๊ะสุน แต่สุดท้ายเมื่อทุกคนเติบโตขึ้น มีหน้าที่การงานและต้องสร้างครอบครัว กลับเหลือแค่วันชัยคนเดียวเท่านั้นที่สืบทอดอาชีพขายบะหมี่ต่อจากผู้เป็นพ่อ
“ความจริงพี่ชายทั้งสี่คนก็เปิดร้านกันหมด แต่ถึงจุดหนึ่งที่เมื่ออายุเยอะขึ้น เขาก็ทำต่อกันไม่ไหว แล้วพี่ๆ ทุกคนก็มีแต่ลูกสาว ลูกแต่ละคนก็อายุสี่สิบกว่าปีกันแล้วทั้งนั้น ทุกคนล้วนมีการมีงานที่ทำแล้วสบายกว่าขายบะหมี่เลยไม่มีใครสานต่อ จึงเหลือแค่ตัวผมที่รับช่วงต่อ”
หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย วันชัยยึดอาชีพพ่อค้าขายบะหมี่เต็มตัว ลูกค้ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ล้วนแต่เป็นคนเก่าคนแก่ที่อุดหนุนจุนเจือกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ บางคนเห็นเขามาตั้งแต่ยังหัวเท่ากำปั้น จนบัดนี้เจ้าเด็กหัวเท่ากำปั้นคนนั้นเติบโตเป็นชายวัยกลางคนมีครอบครัวลูกเต้าเป็นที่เรียบร้อย
กิจการร้านบะหมี่แป๊ะสุนยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 2554 จู่ๆ วันชัยก็ตัดสินใจปิดกิจการไปเสียดื้อๆ เนื่องจากขาดแคลนแรงงานและผู้ช่วยในการทำงาน
“เป็นเรื่องยากที่จะหาแรงงานมาช่วยที่ร้าน สมัยนี้คนส่วนใหญ่นิยมเข้าทำงานในโรงงานหรือไม่ก็เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อกันหมด มันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เรียนรู้งานจากการเป็นผู้ช่วย เป็นลูกน้อง แล้วถึงวันหนึ่งก็ไปเปิดกิจการของตัวเอง พอไม่มีคนช่วย ไม่มีมือขวา สุดท้ายจึงตัดสินใจเลิกกิจการดีกว่า”
วันชัยตัดสินใจย้ายครอบครัวจากชลบุรีไปอยู่บ้านภรรยาที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ในเวลานั้นลูกชายคนเดียวของเขายังอยู่แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่นั่นเขาทำสวนลิ้นจี่และลำไยที่มีอยู่ดั้งเดิม รวมถึงเพิ่มการทำไร่กาแฟเข้าไปด้วย สร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างไม่ขัดสน แถมยังได้อยู่ในสวนท่ามกลางธรรมชาติและอากาศดี
“อยู่ที่เชียงรายกันสามคน พ่อแม่ลูก ชีวิตมีความสุขมาก เป็นชีวิตเรียบๆ อยู่กับธรรมชาติไม่วุ่นวายแต่ก็ไม่ลำบาก”
ด้วยความที่ชีวิตค่อนข้างลงตัว จึงไม่มีเหตุอะไรที่วันชัยจะต้องกลับมาขายบะหมี่อีก หรือที่สุดแล้วร้านบะหมี่แป๊ะสุนจะถึงคราวที่ต้องปิดตำนานลงอย่างถาวร
จากเชียงรายกลายเป็นยูทูบเบอร์
วันชัยและครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงราย จนกระทั่งลูกชายคนเดียวของเขาโตเป็นหนุ่ม
“เมื่อถึงวัยที่ลูกชายต้องเข้ามหาวิทยาลัย ปรากฏว่ามหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้บ้านที่สุดก็คือมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งก็อยู่ไกลจากบ้านร่วมร้อยกิโลเมตรอยู่ดี ด้วยความที่ไกลบ้าน ลูกชายบอกว่าถ้าไปเรียนก็ต้องอยู่หอ เมื่อเรียนจบก็อาจต้องไปหางานทำที่อื่น กลายเป็นต้องทิ้งพ่อแม่ไปอีก สุดท้ายพ่อแม่ต้องอยู่กันสองคน เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่บางครั้งเป็นอย่างนั้น เลยคิดว่าถ้าย้ายกลับมาชลบุรีแล้วเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยบูรพาน่าจะดีกว่า
“สุดท้ายครอบครัวเราจึงตัดสินใจย้ายกลับถิ่นเก่า และกลับมาขายบะหมี่อีกครั้ง”
ในช่วงเวลา 8 ปีที่หายไป จอมยุทธ์อย่างวันชัยยังคงลับคมกระบี่อยู่เสมอ เขานวดเส้นบะหมี่กินเองอยู่บ่อยๆ และการกลับมาคราวนี้ เขาก็ชวนเพื่อนๆ และญาติพี่น้องมาช่วยกันขายด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดร้านไปได้ราวปีเศษ กิจการก็เจอกับวิกฤตโควิด- 19
“ตั้งแต่สมัยอยู่ที่เชียงราย ลูกชายก็เคยชวนทำคลิปวิดีโอมาก่อน เพราะเขาชอบเล่นเกม อยู่กับคอมพิวเตอร์ กับโซเชียลมีเดียตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำสักที เพราะก็ยังไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไร เพราะมันต้องทำต่อเนื่องไม่ใช่ทำคลิปเดียวแล้วหาย ต้องทำจริงจัง จนแล้วจนรอดเลยยังไม่เคยได้ทำสักที
“จนมาช่วงโควิด เกิดการล็อกดาวน์ บะหมี่ก็ไม่ได้ขาย ช่วงนั้นผมอยู่ว่างๆ แล้วพอดีลูกชายซื้อกล้องมาใหม่พอดี เขาเลยมาชวนอีกที ถามว่าเอาไหมพ่อ ผมคิดว่าเอาไงก็เอากัน ดีกว่าอยู่เฉยๆ อย่างน้อยคนก็จะได้รู้จักร้านเราเพิ่มขึ้น
“ผมกับลูกก็มานั่งคิดกันว่าจะมีคอนเทนต์อะไรบ้างที่เราจะสามารถทำได้ถึงยี่สิบตอน นั่งมองร้านแล้วก็คิดว่าเรื่องอาหารน่าจะเหมาะที่สุด เพราะผมก็พอจะทำอาหารเป็น อยากกินอะไรก็ทำกินกันบ่อยๆ เลยเริ่มจากการทำบะหมี่ก่อน ผมเคยค้นหาในอินเทอร์เน็ต เห็นวิธีที่หลายๆ คนสอนทำบะหมี่แล้วรู้สึกว่าทำไม่ถูก คอนเทนต์ของเราจึงบอกเล่าวิธีทำบะหมี่ของเราเอง ดูเสร็จก็มานั่งลุ้นด้วยกันกับลูกชาย”
ปัจจุบัน ณัฐชัย วณิชชูวงศ์ ลูกชายของวันชัย กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ภาควิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ในสายตาของหนุ่มน้อยวัย 21 เขารู้สึกว่าคุณพ่อเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน มีมุกเยอะ และถึงแม้จะอายุมาก แต่ก็ยังเข้ากับคนรุ่นใหม่ได้ดี ดูแล้วน่าจะเหมาะกับการเป็นยูทูบเบอร์อยู่ไม่น้อย
“พ่อเขาเป็นคนสนุก เข้ากับคนง่าย เวลาผมพาเพื่อนมาที่บ้าน พ่อจะพูดคุยเหมือนเป็นเพื่อนเขาเองเลย ส่วนผมเองก็อยากทำอะไรลงยูทูบอยู่แล้ว คิดว่าพ่อน่าจะเหมาะ เลยลองชวนทำด้วยกัน”
คุณพ่อทำหน้าที่เป็นยูทูบเบอร์ ส่วนคุณลูกทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ คอยกำกับทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง หลังจากคลิปแรกออกไปสองพ่อ-ลูกก็มานั่งลุ้นยอดติดตามและยอดคนเข้าชมด้วยกัน โดยที่ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องชื่อเสียง รายได้ หรือความสำเร็จอะไรมากนัก
“หลังจากนั้นเราก็ทำคลิปออกไปอีกหลายตัว ผ่านไปแปดเดือน ยอดคนติดตามของเรายังไม่ถึงหนึ่งพันคนเลย ซึ่งตามกฎของยูทูบ ถ้าในหนึ่งปี คุณมียอดติดตามถึงหนึ่งพันคน หรือยอดการดูเกินสี่พันชั่วโมง แพลตฟอร์มจะชวนเราเป็นพาร์ตเนอร์แล้วถึงจะมีรายได้เข้ามา แต่เราก็ไม่ได้คิดเรื่องรายได้อะไรนะ คิดแค่ว่าถ้าทำออกไปแล้วมีผู้คนรู้จักร้านเรามากขึ้น วันหนึ่งเขาก็จะอยากมากินบะหมี่ที่ร้าน เราคิดเรื่องรายได้จากตรงนี้มากกว่า
“กระทั่งวันหนึ่งเราไปถ่ายทำเรื่องฟาร์มหมูที่บ้านเพื่อน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องทำอาหารเลย ปรากฏว่ามีคนเข้าดูหลักหมื่น แล้วคนก็ไปไล่ดูคลิปเก่าๆ อย่างคลิปหมูกรอบ กลายเป็นมียอดคนดูเป็นแสน จากนั้นยอดคนติดตามก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนครบปีเรามียอดประมาณติดตามถึงสองหมื่นคนเลย”
ไม่ว่าจะเป็นเพราะคอนเทนต์ที่ดี เสน่ห์ของตัวยูทูบเบอร์ การวางโครงเรื่องกำกับ และถ่ายภาพของโปรดิวเซอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายกลายเป็นว่าสองพ่อ-ลูกสามารถสร้างรายได้จากการอัดคลิปลงยูทูบได้จริงๆ และส่งผลให้พ่อค้าขายบะหมี่แห่งร้านแป๊ะสุนกลายเป็นยูทูบเบอร์ชื่อดัง
อย่างไรก็ตามวันชัยมักจะเตือนเพื่อนๆ ที่อยากเป็นยูทูบเบอร์และนึกว่ามันเป็นเรื่องง่ายอยู่เสมอว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ใช่ว่าเกิดขึ้นได้กับทุกคน
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลายเป็นยูทูบเบอร์
ปัจจุบันช่องเดอะแป๊ะสุน Official มียอดผู้ติดตามเกือบ 9 0 , 00 0 บัญชี ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม หากเทียบกับระยะเวลาแค่ 1 ปี 8 เดือนที่เริ่มทำคลิปแรก แน่นอนว่าด้วยความสำเร็จดังกล่าวทำให้คนรู้จัก รวมทั้งใครอีกหลายคนอยากที่จะเป็นยูทูบเบอร์อย่างวันชัยบ้าง
“คนรู้จักหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนรุ่นลูกมาขอคำแนะนำ มาถามว่าถ้าจะเป็นยูทูบเบอร์ต้องทำยังไง เขาอยากมีรายได้ อยากมีเงิน ต้องทำอะไรบ้างถึงจะมีรายได้เข้ามาเยอะๆ”
วันชัยไม่เคยปฏิเสธว่าทุกวันนี้ตนและลูกชายมีรายได้ 6-7 หลัก จากช่องเดอะแป๊ะสุน Official แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะทำได้เหมือนกัน และคำแนะนำก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม และทำทุกอย่างให้สนุกมากกว่าจะไปคาดหวังเรื่องรายได้
“คนส่วนใหญ่มักมองไปที่ยอดเขามากกว่าจะสนใจว่าเราปีนขึ้นมายังไง พูดง่ายๆ คือไปดูที่รายได้มากกว่าจะสนใจเรื่องการผลิต ซึ่งกว่าเราจะผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพลงในยูทูบหรือโซเชียลมีเดีย เพื่อให้คนติดตามได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อนผมหลายคนคิดว่าเอาโทรศัพท์มือถือถ่ายเอาก็พอ สุดท้ายทำได้ไม่นาน ก็ถอดใจเลิกทำกันไป หรือบางคนไม่อยากถ่าย ไม่อยากตัดต่อเอง จะจ้างลูกชายผมให้ทำให้ ผมก็บอกว่าได้ คิดค่าจ้างราคาถูกๆ คลิปละสองพันบาท ทำไปสักสิบคลิป เป็นต้นทุนเงินสองหมื่นบาท แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันนะว่ายอดคนติดตามจะมากหรือเปล่า สุดท้ายก็ไม่เอาอีก
“การจะทำสิ่งใดให้สำเร็จมันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอก ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา ต้องลงทุน ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ จะทำแล้วสำเร็จเลย ในความคิดของผม ข้อแรกเลยคือต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ต้องมีกล้องจริงๆ ใช้โทรศัพท์มือถือ ความเนียนของภาพยังไงก็สู้กล้องใหญ่ไม่ได้ ข้อที่สองคือต้องทำคอนเทนต์ให้ดี คนดูต้องได้ประโยชน์จริงๆ อย่างคลิปของเราไม่เคยฉาบฉวย มีด้วยกันสามช่วง คือเกริ่นนำ เนื้อเรื่องและการปฏิบัติ จากนั้นจึงสรุปจบคลิป
“ข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คืออย่าคาดหวัง ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ทำให้สนุกดีกว่า ถ้าเราไปคาดหวังว่าจะต้องได้เงินเท่านั้น มีรายได้เท่านี้ ตัวเลขผู้ติดตามต้องสูง มันจะกดดัน ไม่สนุก และสุดท้ายพอมันไม่ออกมาอย่างที่ต้องการ เราจะผิดหวัง และไม่มีความสุข”
สำหรับวันชัย ความสุขเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตเสมอ และความสุขที่สุดในการเป็นยูทูบเบอร์ก็ไม่ได้อยู่ที่เงินทองหรือชื่อเสียงที่วิ่งเข้ามา สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ผลพลอยได้ เมื่อเทียบกับการได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกับลูกชายสุดที่รัก
ความสุขในการเป็นยูทูบเบอร์
จากพ่อค้าบะหมี่ธรรมดาๆ ปัจจุบันวันชัยกลายเป็นยูทูบเบอร์ที่มีทั้งรายได้และชื่อเสียง
“พอเป็นยูทูบเบอร์ ก็มีรายได้เข้ามาไม่น้อย แล้วก็เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น คืออาจจะไม่โด่งดังแบบดารา แต่ก็มีลูกค้า มีคนมาทักทาย ขอถ่ายรูป ลูกค้าบางคนเขาตามมาจากยูทูบ มาไกลจากภาคอีสานเลยก็มี ถามว่ารู้สึกดีไหม ก็รู้สึกดีนะ แต่เรามองเป็นผลพลอยได้มากกว่า
“สิ่งที่มีความสุขมากที่สุดในการทำยูทูบสำหรับเราคือการได้มีกิจกรรมทำกับลูกชาย เพราะช่องเดอะแป๊ะสุน Official ที่เกิดขึ้นได้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากคนสองคน เวลามีอะไรเราก็คุยกันสองคน เราจะแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ผมเป็นคนหน้ากล้อง ส่วนลูกเป็นคนหลังกล้อง และถึงแม้เขาจะเป็นลูก แต่ในการทำงานเขาก็จะคอยแนะนำผมตลอด ผมเองก็จะเชื่อเขา อย่างเขาบอก พ่อ มุกนี้เล่นแล้วมันตกสมัย ไม่ขำ เราก็ต้องเปลี่ยน คิดมุกใหม่ ซึ่งการที่คนสองคนที่อยู่คนละวัยกัน ได้คุย ได้เปิดใจรับฟังความคิดของกันและกัน เราว่าเป็นเรื่องดีนะ”
แม้จะเป็นพ่อค้าขายบะหมี่ที่วันๆ อาจไม่ค่อยได้เดินทางออกไปไหน หากแต่วันชัยก็สังเกตว่าทุกวันนี้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ที่มีต่อกันมันเต็มไปด้วยความห่างเหิน ทั้งๆ ที่ตัวก็อยู่ใกล้กันนิดเดียว
“ผมสังเกตเอาจากลูกค้าที่มานั่งกินในร้าน หลายคนเป็นพ่อ-ลูก เป็นแฟน เป็นเพื่อนกัน ตอนเข้าร้านก็มาด้วยกัน แต่ถึงเวลากินต่างคนต่างเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์มือถือของใครของมัน ชีวิตประจำวันของทุกคนควรมีปฏิสัมพันธ์กันมากกว่านี้ ผมจึงคิดว่าครอบครัวเราโชคดีนะที่ยังได้คุย ปรึกษาหารือกัน และทำงานร่วมกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดแล้ว
“การเป็นยูทูบเบอร์ การมีเงินทองมากๆ จะสำคัญอะไร ถ้าเรากับลูกหรือคนในครอบครัวกลายเป็นคนห่างไกลของกันและกัน”