ชีวิตนี้ได้ดี เพราะมีเพื่อนแท้ – น้าพวง เชิญยิ้ม

“นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน มันขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้ เพื่อนที่หวังดีต่อเราจริง ๆ หายากมากนะ ถ้าเรามีเพื่อนแบบนี้อยู่ รักษาไว้ให้ดี”

มนุษย์ต่างวัย Talk กับ ประสาน อิงคนันท์ คุยกับ ‘พวง แก้วประเสริฐ’ หรือ ‘น้าพวง เชิญยิ้ม’ หนึ่งในสมาชิกคณะเพลงฉ่อย 3 น้า ที่มีลีลาการแสดง การร้อง และการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ครองใจผู้ชมทุกเพศทุกวัย ถึงเส้นทางชีวิตกว่า 66 ปี ที่ก้าวผ่านความยากลำบากมามากมาย จนเติบโตและเป็นที่รู้จักในวงการได้ เพราะมีเพื่อนแท้ อย่าง ‘น้าโย่ง’ ผู้เป็นเหมือนลมใต้ปีกที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาเกินกว่าครึ่งชีวิต

ชีวิตวัยเด็ก

“เราหัดเล่นลิเกมาตั้งแต่เด็ก ย้ายไปอยู่คณะโน้นที คณะนี้ที อาศัยบารมีของพ่อแก่ให้เรามีกิน เราไม่ได้มีความรู้อะไรมาก ถ้าเราไม่เล่นลิเกก็ต้องไปทำงานแบกหาม สุดท้ายมันก็กลายเป็นวิชาติดตัวเรามาจนทุกวันนี้

“สมัยก่อนหลังปิดวิกลิเก เจ้าของคณะเขาจะเหรียญมากองกองละ 3 บาทแล้วแจกให้ทุกคนคนละกอง หรือบางครั้งก็เป็นไข่คนละลูกกับพริกน้ำปลา แค่นั้นก็อยู่ได้ เราเริ่มรักในอาชีพศิลปินของเราด้วย ไม่ได้คิดว่ามันลำบาก เรามีกิน เราก็อยู่ได้แล้ว

“พออายุประมาณ 13-14 ปี เราก็ไปอยู่คณะศักดิ์นรินทร์ ดาวร้าย ไปตีตะโพน ก็เลยได้เจอน้าโย่ง เขาเป็นตัวโจ๊กอยู่ที่นั่น เราก็เลยได้รู้จักและเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนนั้น หลังจากนั้น เราก็แยกไปเล่นเป็นตัวโจ๊กอยู่คณะอื่นแล้วก็กลับมาเจอกันอีก แล้วเราก็แยกไปอีก จนได้ไปเล่นเป็นพระเอกลิเก แล้วก็ได้ดูแลคณะลิเกที่พี่เขยตั้งให้”

เพื่อนไม่ทิ้งกัน

“วันหนึ่งน้าโย่งเขามาถามว่าคิดว่าเขาจะเล่นตลกได้ไหม เราก็บอกเขาว่า ‘ยาว มึงเล่นได้อยุ่แล้ว’ เพราะท่าทางเวลาเขาเล่นมันเป็นธรรมชาติ ตอนนั้นน้าโย่งเขาชื่อยาว สุดท้ายน้าโย่งเขาตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ ไปเล่นตลก หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอยู่นาน

“มีอยู่วันหนึ่งเราไปเล่นลิเกปิดวิกในกรุงเทพฯ น้าโย่งรู้ เขาก็เลยแวะมาหา มาบอกว่า ถ้ามีโอกาสเขาจะชักนำเราให้ไปเล่นตลก

“ตอนที่น้าโย่งเขาอยู่กับคณะยาว อยุธยา เขาก็ฝากให้เราไปเล่นตามคณะเล็ก ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้วแต่เขาจะฝากได้ เราก็กัดฟันสู้มาเรื่อย ๆ จนน้าโย่งเขาจะออกมาตั้งคณะเอง เขาก็โทรมาหา มาชวนเราไปอยู่ด้วย รวมทีมกันได้ 3-4 คน ในชื่อคณะ ‘โย่ง พิษณุโลก’

“ตอนรวมทีมวันแรกพี่โน้ต (โน้ต เชิญยิ้ม) เขาลางานแล้วให้คณะเราไปเล่นแทนเขาหมดเลย หลังจากนั้นเราก็มีงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ได้อัดวิดีโอ ได้ไปเล่นร้านใหญ่ ๆ สมัยนั้นตลกได้รับความนิยม บางคืนเล่นกัน 9 ที่ กลับอีกทีก็ตอนพระบิณฑบาต”

โอกาสเปลี่ยนชีวิต

“วันหนึ่งทางเวิร์คพอยท์จะจัดคอนเสิร์ตคุณพระช่วยก็เลยติดต่อมาทางเราว่าจะให้เราไปฉ่อยในช่วงคั่นกลาง ที่เรียกว่า ‘จำอวดหน้าม่าน’ เขาให้โจทย์มา เราก็มาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ จนได้ตามคอนเซปต์เขา หลังจากนั้นเราก็ได้เล่นกันมาเรื่อย ๆ ฮาทุกปี

“ประสบการณ์ที่เราสั่งสมมาจากลิเกเป็นพื้นฐานสำคัญที่เอามาใช้ได้หมดเลย คนมารู้จัก มาชอบ มาชื่นชมเราก็จากจำอวดหน้าม่าน ทุกวันนี้ชีวิตเราก็ดีกว่าเดิม อาจไม่ถึงกับร่ำรวยมาก แต่ก็อยู่ได้แบบสบาย ๆ”

มีวันนี้เพราะมีเพื่อน

“น้าโย่งก็เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน เขาเป็นคนพาเราเข้าวงการ ถ้าไม่มีเขา เราก็ไม่รู้จักคนอื่น เรารู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 14 จนตอนนี้ 66 แล้ว ไม่รู้กี่สิบปีที่รู้จักมา แต่เราก็เป็นเพื่อนที่รักกันมาจนป่านนี้ เขาไม่ได้หวังอะไรจากเรา เพราะเราคือเพื่อน เขาแค่อยากให้เพื่อนสบายแค่นั้น

“ว่ากันว่าเพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก ชีวิตคนเราไม่ต้องมีเพื่อนเยอะ แต่ขอให้เป็นเพื่อนที่ดี เพื่อนที่หวังดีต่อเรา สักคนสองคนก็พอแล้ว”

Credits

Author

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ