‘Move on together’ จากความฝันของลูกสู่ธุรกิจฟู้ดทรัคที่พ่อกับแม่เป็นคนสานต่อ

พ่อกับแม่อายุ 60 กว่า ทั้งคู่ ไม่มีใครเคยคิดหรอกว่าวันหนึ่งเราจะต้องเป็นคนมาทำศพลูก มาจัดพิธีการต่างๆ เพราะภาพในหัวเราตลอดชีวิตคือ เราต่างหากที่จะตายก่อนลูก ลูกจะมีหน้าที่ทำศพเราและส่งเราเป็นครั้งสุดท้าย

ฝันของลูกคือการได้สร้างธุรกิจฟู้ดทรัคให้กับครอบครัว

ก่อนหน้าที่จะมาทำฟู้ดทรัค แม่ทำงานในธุรกิจอาหาร มีความเชี่ยวชาญเรื่องสเต็ก จนลูกชายจุดประกายและชวนกันว่า ไหนๆ แม่ก็จะเกษียณแล้วน่าจะออกมาทำธุรกิจฟู้ดทรัคกันเอง เพราะตอนนั้นลูกก็อายุ 30 กว่าๆ แล้ว เขาอยากออกมาเป็นเจ้านายตัวเอง และอยากอยู่กับพ่อแม่ให้ใกล้ชิดขึ้น ได้ทำงานด้วยกัน ได้เที่ยวด้วยกัน ตอนที่เขาเสนอความคิดนี้มา ภาพแม่ตอนนั้นคือภาพของความสุข แม่คิดว่าต้องมีความสุขมากๆ   เพราะในวัยเด็กแม่ไม่ค่อยได้เลี้ยงดูลูกเลย ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงาน สร้างความมั่นคงให้ครอบครัว

แม่ตุ้ม – วาสนา ออกกิจวัตร อายุ 62 ปี เจ้าของร้านสเต็ก ฅน “กาง” แจ้ง ร้านสเต็กฟู้ดทรัค ที่เริ่มต้นจากความฝันของ “เม” และลูกชายเพียงคนเดียวของแม่ตุ้ม เล่าถึงที่มาของธุรกิจของเธอ

28 ธ.ค 62 เปิดร้านวันแรก

ครอบครัวเราช่วยกันสร้างและปั้นความฝันเล็กๆ ที่ลูกอยากทำขึ้นมา ตอนนั้นแม่จะมีหน้าที่พัฒนาสูตรสเต็ก น้ำซอส ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ สเต็กสัญชาติไทยที่ลูกคิดเอาไว้ ส่วนลูกก็จะทำหน้าที่ตั้งแต่ออกแบบรถ ออกแบบโลโก้ ทำเพจ ทำการตลาดต่างๆ คุณพ่อก็จะเป็นฝ่ายสนับสนุนของเราสองคนแม่ลูกอีกที

จนกระทั่งวันที่ 28 ธ.ค ฝันเล็กๆ ของครอบครัวเราก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ภาพวันนั้นยังติดตาและฝังอยู่ในความทรงจำของแม่ เราช่วยกันขายของวันแรก ความเหนื่อยมันแทบไม่มีมันเป็นความสุขมากกว่า แม่ยังนึกขอบคุณลูกที่เขานึกถึงเราตอนแก่ว่าจะไปทำอะไร และคิดที่จะหากิจกรรมทำร่วมกัน

พ่อยังเล่าให้แม่ฟังว่าตอนขับรถกลับลูกยังพูดอีกว่าดีใจจังพ่อ ไว้เรามาขายของด้วยกันอีกนะ จะได้พาพ่อกับแม่ออกไปเที่ยวไปเปิดหูเปิดตาด้วย มันเป็นความสุขที่แม่คิดว่าแทบจะเป็นที่สุดของการได้เกิดมาเป็นแม่ เพราะลูกไม่ทอดทิ้งเรา และเลือกเราให้เป็นส่วนหนึ่งของความฝันของเขา

5 ม.ค ความฝันพังทลาย

มันเหมือนสวรรค์เล่นตลกกับครอบครัวเรา ทั้งชีวิตที่แม่ทุ่มเททำงานมา เพื่อครอบครัว เพิ่งจะได้มีโอกาสกลับมาอยู่กับลูก ได้เห็นรอยยิ้มและหัวเราะด้วยกัน หลังจากนั้นไม่กี่วันลูกชายก็ประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิต นาทีนั้นพ่อกับแม่แทบทรุด ทำอะไรไม่ถูก มันชาไปทั้งตัว แม่ไม่ใครคิดเลยว่าประโยคที่เขาบอกว่า “ เมไปก่อนนะแม่ ” จะกลายเป็นประโยคสุดท้ายที่เราได้คุยกัน

พ่อกับแม่อายุ 60 กว่า ทั้งคู่ ไม่มีใครเคยคิดหรอกว่าวันหนึ่งเราจะต้องเป็นคนมาทำศพลูก มาจัดพิธีการต่างๆ เพราะภาพในหัวเราตลอดชีวิตคือ เราต่างหากที่จะตายก่อนลูก ลูกจะมีหน้าที่ทำศพเราและส่งเราเป็นครั้งสุดท้าย

แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อ

ตอนที่ลูกเสียชีวิตแรกๆ แม่ทำใจไม่ได้ คิดจะตายตามไปหลายต่อหลายครั้ง เราจมอยู่กับความเศร้าจนตัวเราก็แย่ แม่คิดในใจว่า ถ้าเราสองคนจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับการจากไปของลูก ลูกจะห่วงเรามากแค่ไหน กระทั่งเรามองไปเห็นรถฟู้ดทรัค เลยทบทวนว่า นั่นคือความฝันเดียวของเขาที่หลงเหลืออยู่

วันนั้นแม่กับพ่อเลยตัดสินใจลุกขึ้นมาทำทุกทางเพื่อให้ ร้านสเต็ก ฅน “กาง” แจ้ง เป็นที่รู้จัก เพื่อให้สิ่งที่ลูกสร้าง และชื่อเสียงของลูกยังคงอยู่ แม้เขาจะจากไปแล้ว

ใช้เวลาที่เหลือทำความฝันของ “ลูก” ให้เป็นจริง

ตอนเริ่มต้นก็ไม่ง่ายนะ แม่กับพ่อ 2 คน ตายายออกไปขับฟู้ดทรัค ล้มลุกคลุกคลานตั้งแต่ ขายได้วันละไม่ถึง 300 บาท อดทนต่อสู้ พยายามทำทุกทาง จนในที่สุดตอนนี้สามารถสร้างรายได้ได้เดือนละหลักแสน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มาจากความฝันของลูกที่เป็นแรงผลักดัน ทุกวันนี้แม่รู้สึกว่าแม่ประสบความสำเร็จที่ทำให้ฝันของเขาเป็นจริง แต่เราสองคนคิดว่า ภารกิจนี้ยังไม่จบ เพราะแม่กับพ่อตั้งใจว่าอยากทำให้คนรู้จัก ร้านสเต็ก ฅน “กาง” แจ้ง ให้มากกว่านี้ ตราบเท่าที่ลมหายใจเรายังมี

ก้าวต่อได้ด้วยความฝัน

ทุกวันนี้แม่ต้องขอบคุณลูกนะ ที่เขาสร้างเส้นทางอาชีพใหม่ให้พ่อแม่ไว้ แม้ตัวเขาจะไม่อยู่แต่สิ่งที่เขาคิด เขาวางแผนไว้ ก็ช่วยสร้างอาชีพเลี้ยงดูชีวิตพ่อกับแม่ให้อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้   ที่สำคัญความฝันของลูกยังเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มากๆ สำหรับแม่ ที่ช่วยฉุดให้แม่พ้นออกจากความโศกเศร้า แม้ว่าบางครั้งจะยังทำใจไม่ได้ และเสียใจ แต่เราก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป และให้กำลังใจตัวเองด้วยรอยยิ้มและความภาคภูมิใจว่า พ่อกับแม่ได้ทำให้ความฝันของลูกหลายเป็นความจริง และความฝันของเขาจะอยู่เคียงข้างพ่อกับแม่ไปเสมอในทุกๆ ลมหายใจ

หากใครเผชิญความสูญเสีย แม่ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

ปีนี้เป็นปีแห่งความสูญเสีย ทั้งการเสียชีวิตด้วยโควิด หรือตัดสินใจจบชีวิตเพราะพิษเศรษฐกิจ แม่เองก็เคยอยู่ในจุดนั้น เราเข้าใจในความเจ็บปวดของการสูญเสียคนที่เรารัก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว สิ่งเดียวที่จะช่วยให้กำลังใจตัวเราเองได้ก็คือ การยอมรับความจริงและลุกขึ้นสู้ต่อให้ได้เร็วที่สุด เพราะการจมอยู่กับความเศร้าอาจไม่ได้ทำร้ายแค่ชีวิตเราเพียงคนเดียว แต่กำลังทำร้ายชีวิตคนรอบข้างอีกด้วย

ปีใหม่ปีนี้ขอให้ทุกคนก้าวผ่านทุกความสูญเสีย และความเสียใจ ใช้เรื่องราว ความทุกข์ที่เข้ามาเป็นบทเรียนให้เราได้สู้ต่อไปในปีหน้า แม่ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

Credits

Author

  • นันท์นภัส โอดคง

    Authorครีเอทีฟตัวกลม อารมณ์ดี รักภูเขา หลงรัก จ.เชียงใหม่ ชอบการเดินทาง enjoy กับการกินอาหารท้องถิ่น สนุกกับการรู้จักคนใหม่ๆ อนาคตที่ฝันไว้สูงสุดคืออยากเป็นคนที่ถูกหวย

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ