“แม่มีความฝันว่าอยากเป็นนางโชว์ เดินบนพรมแดง เลยตัดสินใจออกจากบ้านเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาตามความฝันตั้งแต่อายุ 15 จนกระทั่งอายุได้ 20 กว่าๆ จึงได้เริ่มทำงานเป็นนางโชว์ในคณะนางโชว์เล็กๆ จนมีพี่ในวงการด้วยกันเห็นแวว จึงชวนไปทำงานที่ประเทศเยอรมันนี ตอนนั้นแม่นกก็ช่างใจอยู่นาน เพราะต้องห่างจากครอบครัวและเป็นการไปแบบผิดกฎหมาย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไป การไปทำงานที่นั่นทำให้หาเงินได้เงินเป็นกอบเป็นกำ จากคนที่ไม่เคยมีเงินมากขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต เลยใช้ชีวิตด้วยความประมาท ไม่นานทุกอย่างก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย” กนกรัตน์ อรินทร์ หรือ ในวงการเรียกว่า แม่นก ปริศนา เล่าถึงที่มาของชีวิตนางโชว์ในวัย 65 ปี
“แม่นกหลงอยู่กับแสงสี เอาเงินไปเที่ยวทุกวัน ถึงขั้นติดการพนัน ใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่หลายปี เงินที่ได้ไม่เคยส่งกลับไปให้ครอบครัว เหมือนว่าลืมครอบครัวไปเลย จนสุดท้ายเงินหมด เป็นหนี้ และแฟนขอหย่า มีปัญหาขึ้นโรงขึ้นศาลจนสุดท้ายแม่นกแพ้คดี เข้าไปอยู่ในสถานที่กักกันซึ่งไม่ต่างจากคุก
“วันแรกที่เข้าไปแม่นกคิดถึงครอบครัวก่อนเลยอันดับแรก แต่แม่นกคิดว่าไม่อยากให้เขาเดือดร้อนไปกับแม่ด้วย จึงตั้งใจว่าจะอยู่ในสถานที่กักกันไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาปล่อยตัวคือ 5 ปี และกลับเมืองไทยวันนั้นแม่นกรู้ตัวเองว่าความฝันเดินพรมแดงของแม่ไม่มีอีกแล้ว ผ่านมา 3 เดือนในระหว่างกักกันตัว คนที่ติดต่อแม่นกมาคือ พี่ๆ เพื่อนๆ สาวสองเขาก็ช่วยเราออกมาได้ แม่นกร้องไห้และจำวันนั้นได้ดี พี่เขาสอนว่า ทำอะไรก็ตามห้ามลืมครอบครัว พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง เด็ดขาด และครอบครัวที่ 2 ของพวกเรา กลุ่มสาวสองอย่างพวกเราต้องช่วยเหลือกันไม่ทอดทิ้งกันไปไหน
“หลังกลับมาแม่นกรู้สึกเหมือนสิ้นเนื้อประดาตัว ก็นึกคำที่พี่ๆ บอก แม่นกจึงกลับบ้านไปหาครอบครัวก่อน แล้วเราเห็นครอบครัวเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่ได้มีภาระที่ต้องใช้จ่ายอะไร ถ้าเราอยู่บ้าน ที่บ้านก็ต้องเลี้ยงดูเรา ก็เลยเดินทางกลับมากรุงเทพฯ เพื่อหางานทำอีกครั้ง ช่วงนั้นเราก็รับทำงานทุกอย่างเลย ใครมีอะไรให้ทำเราก็ทำ ตั้งแต่เป็นนางโชว์หน้าเวที หรือแม้แต่ล้างจานหลังร้านเราก็ทำ แม่นกทำงานแบบนี้อยู่หลายปี จนพี่น้องสาวสองที่ช่วยเหลือแม่นกที่ต่างประเทศกลับมายังประเทศไทย เขาเห็นคุณภาพชีวิตแม่ช่วงนั้นไม่ค่อยสู้ดี เลยช่วยวิ่งหางานให้แม่นก จนได้ทำงานกับคณะละครเวทีชื่อดังแห่งหนึ่ง
“กลุ่มพี่ๆ ให้ความช่วยเหลือทั้งความเป็นอยู่ ที่พักที่อาศัย แม่นกจำความรู้สึกเหล่านี้ได้ทั้งหมด และเรียนรู้ว่าถ้ามีโอกาสเราก็ต้องให้ความช่วยเหลือพี่น้องคนอื่นๆ เช่นกัน
คำว่า ‘แม่’ ที่นำหน้าชื่อ เป็นมากกว่าแค่คำเรียกในภาษา LGBTQ+
“ปัจจุบันแม่นกผันตัวมาอยู่เบื้องการแสดง คอยดูแลนักแสดง ไม่ว่าจะเป็น แต่งหน้า ทำผม เตรียมของที่ใช้ในการแสดงทั้งอุปกรณ์และเสื้อผ้า คณะแสดงโชว์ที่แม่นกอยู่มีสมาชิก 36 คน ถ้านับตามอายุ ก็รุ่นลูกแม่นกทุกคนเลย อายุน้อยสุด 20 นิดๆ เอง ส่วนมากสุดก็ 35 ปี ส่วนแม่ปีนี้ก็ 65 แล้ว น้องๆ ที่นี่จะเรียกเราว่า แม่ ถ้าในภาษาของชาวสีรุ้งคงหมายถึงการให้ความเคารพ กับผู้อาวุโสกว่า ส่วนแม่นกจะเรียกน้องๆ ว่า ลูกสาว สำหรับแม่นกเชื่อว่าคำนี้มีความหมายมากกว่าแค่คำเรียก เพราะพวกเราดูแลกันอยู่เสมอ เขารู้ว่าเราเดินทางไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวกก็มารับส่งดูแล พาไปทำธุระต่างๆ ยิ่งเรื่องสุขภาพเขาจะเข้มงวดมาก ให้แม่นกกินยาบำรุง หรือหาสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ใช้ ซึ่งบางอย่างมันราคาแพง แม่นกก็เกรงใจ จริงๆ ก็พูดยากนะว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่นกและลูกสาวคืออะไร แต่แม่นกขอเรียกว่าครอบครัวก็แล้วกัน อาจไม่ใช่ครอบครัวที่สมบูรณ์แต่เชื่อว่าทุกคนก็คงมีความสุขที่ได้อยู่ในครอบครัวขนาดใหญ่ครอบครัวนี้
“มีวันหนึ่งลูกสาวมาระบายเรื่องความลำบากของชีวิต ถึงกับตัดพ้อว่าเขาไม่อยากกลับไปที่ห้องพัก เพราะเขารู้สึกว่ากลับไปก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัว ซ้ำร้ายมีอาการเครียด ตกงานเพราะพิษเศรษฐกิจ เราก็จับมือเขาไว้ แล้วปลอบไปว่า ไม่เป็นไร ที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่ ครอบครัว ทำให้ระหว่างกัน เชื่อว่าทุกคนที่แสดงโชว์ด้วยกันมา ต่างพร้อมเรียกตัวเองว่าคนในครอบครัว ลูกสาวเขาร้องไห้และกอดเราไว้แน่นเลย
“แม่นกคิดว่าระหว่างแม่นกและลูกสาวทั้ง 30 ชีวิตที่อยู่และทำงานด้วยกันมา เราได้เรียนรู้ระหว่างกันอยู่เสมอ ลูกสาวเรียนรู้ประสบการณ์การใช้ชีวิตจากเรา ซึ่งแน่นอนแม่นกเคยอยู่ในช่วงชีวิตที่ไม่ต่างกับตกเหว ส่วนแม่นกเองก็ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของบรรดาลูกสาวในยุคสมัยใหม่ ทั้งภาษา การพูด ชีวิตคู่ต่างๆ ที่หลายคนเริ่มเปิดรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ไม่เหมือนในยุคแม่นกที่บางคนยังต้องปิดบัง เราต่างเรียนรู้กันมาโดยตลอด
ปีที่ทุกคนเหนื่อยกำลังจะผ่านไป
“แม่นกคิดว่าปีนี้หลายคนลำบากและเหนื่อย ทั้งเรื่องโรคระบาดและเศรษฐกิจที่ถดถอย แม่นกเองก่อนโควิดมีงานแสดงเล็กๆ อยู่บ้าง พอโควิดมาโรงละครก็ขาดรายได้ จำเป็นต้องปิดกิจการไป ทำให้แม่นกตกงานอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ก็ได้บรรดาลูกสาวที่ช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ โชคดี ยังมีบริษัทที่เขาเปิดโอกาสให้พวกเราสามารถทำการแสดงผ่านช่องทางออนไลน์ได้ บรรดาลูกสาวจึงเช่าบ้านหลังหนึ่งเพื่อไว้สำหรับทำการแสดงโดยเฉพาะและเห็นว่าแม่นกอายุมากแล้ว กลัวว่าจะไม่สบายหรือหากประสบอุบัติเหตุจะไม่มีใครดูแล จึงให้มาอยู่ที่บ้านเลย ทั้งวันจะมีบรรดาลูกสาวทุกคนแวะเวียนไปมาตลอดเวลา ส่วนช่วงเย็นทุกคนก็จะเข้ามาเพื่อแต่งหน้าแต่งตัวเตรียมการแสดง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ส่วนใหญ่ก็เป็นบรรดาลูกสาวที่ช่วยกันออกให้ รวมถึงค่าอาหารของกินของใช้ ซึ่งทั้งหมดแม่นกต้องขอบคุณลูกสาวมากๆ วันนี้แม่นกอายุเยอะแล้วคงแสดงบนเวทีไม่ได้เหมือนเดิม แต่ลูกสาวทั้ง 30 ชีวิตก็ไม่ไปไหนยังคงช่วยเหลือประคับประคองชีวิตกันมาผ่านวิกฤตมาด้วยกันและหวังว่าปีหน้าที่จะมาถึงเป็นอีกปีที่ดี
ความสุขและรอยยิ้ม คือของขวัญปีใหม่นี้
“ถ้าแม่นกขอของขวัญปีใหม่ได้สักชิ้น คงจะขอให้ลูกสาวแม่ทุกคนมีความสุข และหวังว่าปีหน้า โรคร้ายจะหายไปทุกคนจะได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวล เมื่อถึงเวลานั้นแม่นกเชื่อว่า คงได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าแทนหน้ากากอนามัยที่ต้องใส่ทุกวันนี้ แม่นกอยากขอบคุณลูกๆ ทุกคนที่อยู่ดูแลกันในปีที่ผ่านมา สำหรับปีใหม่อยากให้ปล่อยความทุกข์ที่ผ่านมาไว้กับปีนี้ อย่าเก็บเอาไปด้วย ให้เก็บไว้เพียงความทรงจำและความรู้สึกดีๆ และมีความสุขกับรอยยิ้มอยู่เสมอ แม่ว่าเท่านี้ก็ดีมากแล้วสำหรับปีใหม่ที่จะถึงนี้”