“ตอนแรกเราตั้งใจจะทำวิกบริจาคแค่ปีเดียว เพราะตั้งใจทำบุญให้คุณย่า แต่พอทำไปเรื่อย ๆ เราก็รู้สึกว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือตรงนี้ เคยมีผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายบอกเราว่า ‘วันหนึ่งถ้าหนูไม่อยู่แล้ว ขอให้พี่ทำแบบนี้ต่อไปได้ไหม’ การที่เราเห็นเขาใส่วิกแล้วมีความสุข สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ มีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป เราก็อยากทำต่อไปเรื่อย ๆ
มนุษย์ต่างวัยพาไปรู้จัก ‘แฮร์อินเทรนด์ดอทคอม’ ร้านตัดผมที่รับตัดผมบริจาคเพื่อทำวิกสำหรับผู้ป่วย ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ ‘เต้’ คงยศ มะโนน้อม วัย 53 ปี เจ้าของโฮมซาลอนและช่างผมเพียงหนึ่งเดียวของร้าน หลานชายที่เคยสูญเสียคุณย่าไปด้วยโรคมะเร็ง และคิดว่าอยากทำวิกผมบริจาคเพื่อทำบุญให้กับคุณย่าสักหนึ่งปี แต่รู้ตัวอีกทีโฮมซาลอนเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นร้านที่รับตัดผมเพื่อบริจาคทำวิกให้กับผู้ป่วย โดยที่ไม่ได้ให้บริการเกี่ยวกับเคมีเลยมาเกือบ 10 ปีแล้ว
“เมื่อ 25 ปีที่แล้ว เราเคยทำงานอยู่บริษัทโฆษณา ตอนนั้นก็คิดว่าเราอยากจะมีกิจการหรือธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเองบ้าง และช่วงนั้นได้ทำโฆษณาเกี่ยวกับแชมพูเยอะมาก เลยคิดว่าอยากไปเรียนตัดผม พอเรียนเสร็จก็กลับมาเป็นอาจารย์สอนอยู่สักพัก แล้วก็คิดว่าไปเปิดร้านเองดีกว่า พอเราเปิดร้านวันหนึ่งก็มีลูกค้าที่ผมยาวมากเข้ามาตัดผมที่ร้าน พอตัดเสร็จก็ทิ้งเส้นผมไปเฉย ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร ก็เลยย้อนกลับไปนึกถึงคุณย่าที่ท่านเคยป่วยและเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง
“ตอนนั้นคุณย่าท่านป่วยอยู่ประมาณ 6-7 เดือนก็เสีย เราก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรให้ท่าน พอเห็นผมของลูกค้าที่ตัดทิ้งไปเฉย ๆ เราก็เลยคิดว่าน่าจะเอาเส้นผมที่ตัดทิ้งไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยมะเร็งดีกว่า เขาจะได้เอาไปทำวิก เราก็เลยขอลูกค้าว่าขอเอาผมไปบริจาคได้ไหม เพราะอย่างน้อยมันก็เอาไปใช้ต่อได้ หลังจากนั้นเราก็เริ่มเอาเส้นผมไปบริจาคที่โรงพยาบาลเพื่อให้เขาทำวิกให้กับผู้ป่วย
“พอเปิดร้านได้เข้าปีที่ 2 คนเริ่มรู้จักร้านและสนใจบริจาคเส้นผมมากขึ้น ช่วงนั้นโรงพยาบาลประกาศปิดรับบริจาคผม เพราะเขาไม่มีงบนำผมที่บริจาคไปทำวิกต่อ ก็เลยเกิดปัญหาว่าลูกค้าที่ไปตัดผมมาแล้วไม่รู้จะนำเส้นผมไปบริจาคที่ไหน และไม่รู้จะทำอย่างไรกับผมที่ตัดแล้ว ตอนนั้นเราก็เลยตัดสินใจว่าอยากทำวิกผมบริจาค เพราะคิดว่ามันเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่ผมเหล่านี้จะถูกนำไปสร้างความสุขให้กับผู้ป่วย อีกอย่างเราเองก็อยากทำบุญให้คุณย่าอยู่แล้วด้วย
“ตอนนั้นเราก็ยังทำวิกไม่เป็นก็เลยนึกถึงช่วงที่ยังทำงานโฆษณาอยู่ และเคยได้ร่วมงานกับบริษัททำวิก ซึ่งเราก็สนิทกับเขา ก็เลยขอให้เขาช่วยเรื่องเย็บประกอบวิกให้ ส่วนการดีไซน์แบบทรงผม เราจะเป็นคนจัดการ และส่งไปให้เขาเย็บตามที่เราออกแบบไว้”
ช่วงแรกที่ร้านเริ่มทำวิกผมบริจาค เต้ต้องเจอกับอุปสรรคอยู่พอสมควร เพราะยังขาดประสบการณ์ในการทำวิก ต้องทำงานร่วมกับโรงงานเย็บอย่างหนัก มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอยู่หลายครั้ง กว่าจะได้วิกผมในแบบที่ลงตัว เพราะโรงงานเองก็เคยผลิตแต่วิกผมแฟชั่น ไม่เคยเย็บวิกให้ผู้ป่วย ซึ่งวิกทั้งสองแบบนี้มีรายละเอียดที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก
“วิกแฟชั่นจะใช้สวมใส่บนศีรษะของคนที่มีผม แต่วิกผู้ป่วยจะนำไปสวมใส่บนศีรษะของคนที่ไม่มีผม ดังนั้นแค่ตัวโครงวิกก็ต่างกันแล้ว ถ้าเรานำวิกแฟชั่นมาสวมบนศีรษะคนที่ไม่มีผมก็อาจจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น วิกหลวม วิกหลุด เราจึงต้องศึกษาและค่อย ๆ เก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ วิกผมที่เราทำช่วงแรก ๆ จะยังดูเป็นวิกตลก ๆ อยู่ เราก็ถามผู้ป่วยที่ใช้งานจริงว่าใส่แล้วรู้สึกอย่างไร เจ็บไหม อึดอัดไหม หลวมไปหรือเปล่า แล้วเราก็จะกลับมาพัฒนาวิกของเราให้ดีขึ้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรู้สึกและความต้องการของผู้ป่วย
“ส่วนวิธีการตัดแต่งทรง เราจะใช้ประสบการณ์จากการเรียนศิลปะและการเรียนทำผมมาผนวกกัน รวมทั้งประสบการณ์ในตอนที่ทำงานโฆษณาเราก็นำมาปรับใช้กับการทำวิกทั้งหมด เราเริ่มจากการลองตัดดูก่อน แล้วค่อย ๆ แก้ไขไปทีละจุด ใช้เวลาลองผิดลองถูกประมาณ 2 ปี จนสุดท้ายก็ได้วิกผมที่เนียนและเป็นธรรมชาติอย่างทุกวันนี้”
ปัจจุบันยังไม่มีร้านไหนที่ทำวิกให้กับคนไข้โดยตรง แต่ที่โฮมซาลอนแห่งนี้ ทำงานที่ลึกลงไปถึงขนาดที่ว่าทำวิกที่คนทั่วไปจับไม่ได้ว่านี่คือวิกผมไม่ใช่ผมจริง
“เมื่อก่อนที่ร้านก็เคยรับทำเคมี ทำสี ดัด ยืด เหมือนร้านทำผมทั่วไป แต่พอเรามาโฟกัสที่การทำวิกแล้วผู้ป่วยต้องมาทำวิกกับเราที่นี่ เขาก็คงไม่อยากได้กลิ่นเคมี เราต้องทำงานกับเขา ก็ไม่อยากสัมผัสเคมีหรืออยู่กับเคมีตลอดเวลาเหมือนกัน เราก็เลยยอมที่จะยกเลิกบริการเคมีทั้งหมด เหลือเพียงการตัด สระ และทำวิก ซึ่งเราทำแบบนี้มา 8 ปีแล้ว นอกจากนี้เราก็พยายามทำให้บรรยากาศที่นี่มันอบอุ่น ให้ลูกค้าที่เข้ามาไม่รู้สึกว่ามาที่ร้านทำผม แต่รู้สึกเหมือนมาบ้านเพื่อน ได้เห็นบรรยากาศสีเขียว ๆ สบายตา และสูดอากาศบริสุทธิ์ เวลาลูกค้ามาเขาก็จะรู้สึกว่ามันเป็นส่วนตัวจริง ๆ
“วิกอันหนึ่งใช้เวลาในการประมาณ 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับทรงหรือความยากง่าย แต่โดยเฉลี่ยเราจะสั่งโรงงานทำครั้งละ 20-30 หัว ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง โรงงานก็จะทยอยส่งวิกกลับมาที่ร้าน เพราะฉะนั้นที่ร้านจะมีสต๊อกวิกผมเก็บไว้ มีไซส์ความยาวแบบ S M L มีสี และแบบคร่าว ๆ ให้ลูกค้าเลือก ขั้นตอนจะเริ่มจากการวัดรอบศีรษะ เมื่อได้ขนาดแล้ว ก็จะทำเป็นแพตเทิร์น แล้วทำเป็นหมวกออกมา ดูปริมาณเส้นผมที่ต้องใช้ เพราะวิกอันหนึ่งต้องใช้ผมหลายมัดรวมกัน เลือกผมที่มีสีคล้ายกันหรือมีไฮไลต์ ก็ใส่รายละเอียดดีเทลเข้าไป แล้วส่งโรงงานเย็บตามแพตเทิร์น รอประมาณ 2 สัปดาห์ เราจะนัดผู้ป่วยมารับวิก ใช้เวลาตัดแต่งทรงอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ใส่กลับบ้านได้เลย เราพยายามใช้เวลาตรงนี้ให้น้อยที่สุด เพื่อให้เขาได้กลับไปใช้ชีวิตได้เร็วที่สุด
“รายได้จากการสั่งตัดวิกจะนำไปเป็นต้นทุนในการใช้ทำวิกหัวต่อไป และแบ่งส่วนหนึ่งไปอยู่ในกองทุนทำวิกเพื่อบริจาคให้ผู้ป่วยยากไร้ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งทางโรงพยาบาลจะเป็นคนบริหารจัดการให้ผู้ป่วยที่มีความต้องการได้ยืมวิกไปใช้งานต่อไป ส่วนเส้นผมที่ลูกค้าบริจาคมาทั้งหมดเรายืนยันว่านำไปเพื่อทำวิกให้ผู้ป่วยเท่านั้น ไม่ได้นำไปใช้เพื่อทำวิกแฟชั่น หรือจัดจำหน่ายใด ๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงผู้ป่วยมะเร็งเท่านั้นที่ต้องการวิกผม ยังมีผู้ป่วยจากอุบัติเหตุ ผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดสมอง หรือผู้ป่วยที่ต้องโกนผม จากสาเหตุอื่น ๆ ก็ต้องการใช้วิกเช่นเดียวกัน
“ถามว่าการที่เราเลือกจะทำร้านแบบนี้ เลือกจะไม่รับทำเคมี มันเป็นการเสียโอกาสในการสร้างรายได้ไหม เราคิดว่าเราทำตรงนี้ เรามีความสุข เราลงเรือลำนี้แล้ว ถ้าเราไม่เลือกทางใดทางหนึ่ง ก็จะมีคนได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เราทำ เราเลยคิดว่าเราในเมื่อเราโฟกัสเรื่องนี้ เราก็จะทำแบบนี้ และเราคิดว่าเราตัดสินใจไม่ผิด
“เคยมีพี่คนหนึ่งเขาชอบไปเที่ยวต่างประเทศมาก ๆ วันหนึ่งพอเขาป่วย ต้องให้คีโม ผมร่วง ไม่มีแรง เขาก็ไม่ค่อยได้ไปไหน เขาไปหาข้อมูลว่าที่ไหนทำวิกบ้าง เพราะเขาไม่อยากออกไปข้างนอก ไม่อยากให้ใครถาม ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาป่วย เขาก็เลยมาที่ร้าน แล้วก็เล่าให้เราฟังว่าเขาอยากให้วิกออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด พอทำเสร็จเขาก็มีความสุข เราก็ขอแอดเฟซบุ๊กเขาไว้ คอยตามดูว่าเขาใส่วิกแล้วเป็นอย่างไรบ้าง โอเคหรือเปล่า เราก็เห็นว่าเขาเริ่มออกไปใช้ชีวิตตามปกติ เริ่มไปเที่ยวต่างประเทศ วันหนึ่งพี่เขากลับเข้ามาที่ร้านแล้วสั่งวิกอีกอัน แล้วก็มาขอบคุณเราที่ทำให้เขาได้กลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวอีกครั้ง
“อีกเคสที่เราจำได้ คือมีผู้ป่วยคนหนึ่งเข้ามาทำวิกแล้วบอกให้เราช่วยเขาสุดความสามารถเลยนะ เพราะพ่อแม่เขาอายุมากแล้ว ไม่อยากให้พ่อแม่รู้ว่าป่วย แล้วต้องทุกข์ใจเพราะเป็นห่วงเขา เราก็ทำวิกให้ตามที่เขาต้องการ ให้เหมือนลุคเดิมของเขามากที่สุด หลังจากนั้นเขาก็กลับไปใช้ชีวิต อยู่กับพ่อแม่ตามปกติโดยที่พ่อแม่ไม่รู้เลยว่าเขาป่วย จนหายดี ผมจริงยาว แล้วถอดวิกได้ เขาก็เข้ามาขอบคุณเรา มาบอกว่าไม่มีใครรู้เลยว่าเขาป่วย เราได้ยินแบบนี้ก็ภูมิใจในสิ่งที่เราตั้งใจทำ
“จริง ๆ เราก็อยากถ่ายทอดความรู้ที่เรามีอยู่ให้กับคนที่สนใจเข้ามาเรียนรู้นะ เพราะวันหนึ่งถ้าเราตายไป ความรู้มันก็จะตายไปด้วย ตอนนี้ก็มีน้องคนหนึ่งสนใจและมาอยู่ด้วย แต่การทำวิกเป็นงานศิลปะสาขาหนึ่ง คนที่อยากทำ ไม่ใช่แค่ตัดผมเป็น แต่ต้องมีศิลปะด้วย ตัดแล้วต้องสวย ต้องเป็นธรรมชาติ นี่คือโจทย์สำคัญ อีกอย่างคือ เราไม่ได้ตัดผมแบบปกติทั่วไป แต่เราทำงานกับผู้ป่วย เราต้องฟังเขามาก ๆ ว่าชีวิตเป็นอย่างไร เขาอยากได้อะไร แล้วทำในสิ่งที่เขาต้องการ เพื่อให้เขากลับออกจากร้านไปด้วยความมั่นใจ และมีความเป็นธรรมชาติในแบบของตัวเอง”
เต้ดีใจเสมอที่เขาได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง เขาบอกว่าอยากเห็นคนอื่นมีชีวิตที่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงสุดท้ายในชีวิตของผู้ป่วยหรือไม่ก็ตาม วันนี้อะไรที่ตัวเขาพอทำได้เขาก็อยากทำให้ดีที่สุด
“การที่เรามีวันนี้ได้ ต้องกลับไปขอบคุณคุณย่า เพราะเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อน ทุกครั้งที่ได้ทำวิกให้ผู้ป่วย เราก็จินตนาการว่าเรากำลังทำวิกให้คุณย่าใส่ เพราะท่านไม่มีโอกาสได้ใส่วิกที่เราทำ ทุกวันนี้ก็รู้สึกว่าคุณย่ายังอยู่กับเราตลอด และคิดว่าการที่เราทำแบบนี้ ถ้าย่ารับรู้ท่านคงจะมีความสุข”
สำหรับผู้สนใจบริจาคเส้นผมสามารถติดต่อได้ที่ ร้านแฮร์อินเทรนด์.คอม โฮมซาลอน
ซอยอ่อนนุช 46 หมู่บ้าน The Estate Srinakarin 2
โทร. 0837203232