ทำไมต้อง “จำใจ” อยู่ แก่แค่ไหนก็ “หย่า” ได้ เมื่อคนวัยเบบี้บูมตัดสินใจหย่าร้างมากขึ้น

เราไม่ได้อยู่ในโลกที่คู่สามีภรรยาที่กำลังเผชิญปัญหาชีวิตคู่จะกลัวการหย่าร้างอีกต่อไป แรงกดดันจากครอบครัว สังคม ก็จะไม่ใช่ปัจจัยที่จะสามารถบังคับให้พวกเขา “จำใจ” ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เทรนด์การหย่าร้างกำลังสูงขึ้น แม้ว่าคู่สามีภรรยาบางคู่จะมีอายุมากแล้วก็ตาม

ที่สหรัฐอเมริกาอัตราการหย่าร้างของผู้ใหญ่ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงระหว่างปี 1990 ถึง 2010 ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Gray Divorce” (การหย่าร้างในกลุ่มผู้สูงอายุ)  Susan Brown ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาที่ Bowling Green State University ทำวิจัยเรื่อง “การหย่าร้างของคนสูงวัย: การเปลี่ยนแปลงในครึ่งศตวรรษ” ตีพิมพ์ในวารสาร The Journals of Gerontology เป็นผู้บัญญัติศัพท์คำว่า  “Gray Divorce” เธอบอกว่า ในปี 1970, 1980 และ 1990 คนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปมีการหย่าร้างน้อยกว่า 1 ใน 10 คน แต่ในปี 2010 สัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1 ใน 4 แต่ในปี 2022 คนอเมริกันที่กำลังผ่านการหย่าร้าง 36% หรือมากกว่า 1 ใน 3 มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งสถิติดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างที่ชัดเจนถึงการเพิ่มขึ้นของการหย่าร้างในกลุ่มคนสูงอายุ

แต่หากแยกกลุ่มอายุระหว่าง 50-64 ปี และกลุ่ม 65 ปีขึ้นไปจะพบว่า นับตั้งแต่ปี 2010 อัตราการหย่าร้างในกลุ่มอายุอื่นเริ่มคงที่หรือลดลง ยกเว้นผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้เกษียณอายุจำนวนมากหย่าร้างกัน ‘ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการหย่าร้างสูงเป็นประวัติการณ์’

รายงาน Nightline ของ ABC News นำเสนอปรากฏการณ์การหย่าร้างเมื่อสูงวัย อธิบายว่า ผู้หญิงเป็นปัจจัยหลักที่เบื้องหลังการหย่าร้างของผู้สูงอายุที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สตรีรุ่นเบบี้บูมเมอร์ที่ต้องติดอยู่ในชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขมานานหลายทศวรรษ ในที่สุดก็รู้สึกว่าความ คาดหวังของสังคมผ่อนคลายลงเพียงพอที่พวกเธอจะปลดปล่อยตัวเองจากสามีที่เห็นแก่ตัว ไม่เกรงใจผู้อื่นซึ่งพวกเธอต้องติดอยู่ในกับดักนี้มาตลอดชีวิต หลังจากการหย่าร้างพวกเธอหลายคนบอกว่า ได้หลุดพ้นและสนุกกับอิสรภาพที่เพิ่งได้รับ และบางทีอาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้ออกไปทำอย่างอื่นและเฝ้าสังเกตว่ามีอะไรอีกบ้างที่ยังรออยู่

‘ผู้หญิงเหล่านี้ได้งานใหม่ มีงานอดิเรกใหม่ และค้นหาว่าตัวตนของเธอคือ ใครนอกเหนือการเป็นภรรยาที่เกิดจากบริบทของการแต่งงาน จะต้องมีนวนิยายแนว Eat Pray Love ที่อิงจากปรากฏการณ์นี้อย่าง แน่นอน ซึ่งในไม่ช้าแนวคิดนี้จะแพร่หลายไปทั่วประเทศ และเราจะไม่สามารถหยุดยั้งมันได้’ สำนักข่าว VICE ได้ย้ำถึงปรากฎการณ์นี้

Nightline ได้พูดคุยกับ Edith Heyck หญิงสูงวัยผมสีดอกเลาหน้าตาสดใส วัย 74 ปี ถึงข้อดีของการหย่าร้างของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ในช่วงปลายชีวิต เธอเล่าถึงอิสรภาพที่เธอเพิ่งค้นพบว่า “ ฉันเป็นผู้หญิงรุ่นแรกที่กินยาคุมถูกต้องตั้งแต่ตอนอายุ 18 หรือ 19 ปี เราค้นพบอิสรภาพของตัวเอง ชีวิตแต่งงานของเราจึงไม่จำเป็นต้องเป็นแบบเดียวกับที่แม่เป็น เพราะแม่ของเรา พวกเธอไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้”

“ฉันอายุ 70+ ​​กำลังมองหาคนอายุ 60+ ตอนนี้ฉันมีผู้ชายที่ชอบไปยิมด้วยกัน มีคู่เล่นสกี ฉันใช้ชีวิตอย่างมีชีวิตชีวาที่สุดเท่าที่ฉันเคยฝันถึง”

ทุกวันนี้ Heyck กำลังสนุกสนานในฐานะคนโสด เธอได้คว้าโอกาสใหม่ๆ ในอาชีพการงาน เช่น บริหารสวนสนุกน้ำในท้องถิ่น และลองงานอดิเรกใหม่ๆ เช่น การแสดงเดี่ยวไมโครโฟน

หากมองลึกลงไปในปรากฏการณ์ Gray Divorce จะพบว่า นี่คือ กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ซึ่งเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ดนตรีไปจนถึงแฟชั่นและกำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตแต่งงานในช่วงบั้นปลายชีวิตของพวกเธอ

ดร. Kelly Cichy ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ครอบครัว อธิบายว่า คนเจนฯนี้มีทางเลือกที่พ่อแม่ของพวกเขาไม่เคยฝันถึง ด้วยอายุขัยที่ยาวนานขึ้นและสุขภาพที่ดีขึ้น หลายคนจึงถามตัวเองว่าพวกเขาต้องการใช้เวลาอีก 20 หรือ 30 ปีในความสัมพันธ์ที่ไม่สมหวังหรือไม่ เมื่อรวมกับการเคลื่อนไหวเพื่อปลดปล่อยผู้หญิงที่เปิดประตูบานใหม่ ผู้หญิงที่เคยแต่งงานอย่างไม่มีความสุขเพียงเพราะต้องการความมั่นคงทางการเงิน ตอนนี้พวกเธอมีอาชีพการงาน เงินออม และความมั่นใจที่จะเริ่มต้นใหม่ ความเป็นอิสระนี้ได้กลายมาเป็นตัวเปลี่ยนเกม

ปรากฎการณ์ที่ว่า ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐฯ อเมริกาเท่านั้น

หากดูอัตราการหย่าร้างในประเทศอื่นๆ ก็จะพบว่า ตั้งแต่ปี 2015 ทั้งในสหราชอาณาจักร เกาหลี ญี่ปุ่น เริ่มมีรายงานอัตราการหย่าร้างในวัยกลางคนเพิ่มมากขึ้นๆ ส่วนประเทศไทยนั้น แม้ไม่มีสถิติแยกช่วงอายุของการหย่าร้าง แต่ก็หย่าร้างในกลุ่มคนมีอายุก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

สุทธินี เมธีประภา อดีตนายกสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทย ประธานมูลนิธิผู้ช่วยเหลือเยาวชนสยามสัมภาษณ์กับไทยรัฐเมื่อเดือน มี.ค.2566 ว่าคนที่เข้ามาปรึกษาการหย่าร้างมีตั้งแต่ อายุ 30-45 ปี หรือ บางเคส 50 ปี แต่มากที่สุดจะอายุราว 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะปัญหาสามีไปมีหญิงอื่น และสาเหตุที่ต้องเลิกกัน เพราะสามีไม่ส่งเสียเลี้ยงดู ปัจจัยที่ใกล้เคียงกันของหลายๆสังคม คือ การที่ผู้หญิงสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ มีอิสระทางการเงิน ไม่ต้องขอเงินผู้ชายเหมือนคนยุคเดิมที่ต้องทน

เว็บไซท์ Rolling Out ได้รวบรวมความท้าทายของการหย่าร้างเมื่อเข้าสู่ช่วงสูงวัยเพื่อประกอบการตัดสินใจโดยระบุว่า  การยุติการแต่งงานที่กินเวลานานหลายทศวรรษนั้นนำมาซึ่งความท้าทายพิเศษ แตกต่างจากคู่รักที่อายุน้อยกว่าซึ่งอาจอยู่ด้วยกันมาแค่ไม่กี่ปี คู่รักเหล่านี้มักจะมีความทรงจำร่วมกันตลอดชีวิต มีเพื่อนร่วมกัน และมีประเพณีครอบครัวร่วมกัน ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ผลกระทบทางอารมณ์อาจคล้ายกับการสูญเสียคู่สมรสไป และในบางกรณีอาจกระทบจิตใจลูกๆ แม้พวกเขาจะอยู่ในวัยไม่ใช่เด็กๆ แล้วก็ตามซึ่งต้องมีการทำความเข้าใจและปรับตัวไปด้วยกัน

ความเป็นจริงทางการเงิน: เรื่องเงินกลายเป็นเรื่องยุ่งยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการหย่าร้างในช่วงวัยชรา ผู้หญิงมักเผชิญกับอุปสรรคทางการเงินที่ใหญ่กว่า เนื่องจากค่าจ้างที่ขาดหายไป หลายปีและต้องออกจากงานเพื่อดูแลครอบครัว การทำความเข้าใจและวางแผนรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่คิดจะแยกทางกันในช่วงบั้นปลายชีวิต

แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนผลกระทบจาการหย่าร้างถึงจะหายดี? การฟื้นตัวจากการหย่าร้างในช่วงวัยชรามักใช้เวลานานกว่าคู่สามีภรรยาที่อายุน้อยกว่า การวิจัยแสดงให้เห็นว่าหลายคนต้องใช้เวลา 4 ปีขึ้นไปในการปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่าช่วงเวลาแห่งการฟื้นตัวนี้อาจเป็นช่วงเวลาของการเติบโตทางบุคลิกภาพที่เหลือเชื่อได้เช่นกัน

แม้ว่าการเริ่มต้นใหม่ในซีซั่นนี้ อาจดูน่ากลัว แต่หลายคนกลับพบความสุขที่ไม่คาดคิดในชีวิตหลังหย่าร้าง นี่คือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้

การสร้างทีมสนับสนุนของคุณ : การมีระบบสนับสนุนที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้ เพื่อนและครอบครัวสามารถให้การสนับสนุนทางอารมณ์และความช่วยเหลือได้ ในขณะที่คุณปรับตัวเข้ากับชีวิตโสด หลายคนพบว่าการหย่าร้างทำให้ความสัมพันธ์เหล่านี้แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากพวกเขาพึ่งพาคนที่รักในรูปแบบใหม่ๆ

การดูแลตัวเอง : การดูแลตัวเองกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงการเปลี่ยนผ่านนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมยิม การทำสมาธิ หรือในที่สุดก็ทำตามงานอดิเรกที่คุณใฝ่ฝันมาตลอด การมุ่งเน้นไปที่ความเป็นอยู่ที่ดีส่วนบุคคลสามารถช่วยรักษาบาดแผลทางอารมณ์ได้

การวางแผนสำหรับอนาคต : การวางแผนทางการเงินมีความสำคัญมากขึ้นหลังจากการหย่าร้างในวัยชรา การพบกับที่ปรึกษาทางการเงินสามารถช่วยให้คุณเข้าใจตัวเลือกต่างๆ และสร้างอนาคตที่มั่นคงได้ ซึ่งอาจรวมถึงการประเมินแผนเกษียณอายุใหม่ การทำความเข้าใจสิทธิประโยชน์ประกันสังคม และการสร้างกลยุทธ์การลงทุนใหม่ๆ

ปัจจัยด้านสุขภาพ : การดูแลสุขภาพกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อหย่าร้างในภายหลัง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้กำหนดผู้รับมอบอำนาจทางการแพทย์รายใหม่และตรวจสอบตัวเลือกประกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเข้าถึงการดูแลที่จำเป็นได้อย่างต่อเนื่อง

การค้นหาความรักอีกครั้ง: แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่จะเลือกหาความรักครั้งใหม่หลังจากการหย่าร้างในวัยชรา แต่หลายคนก็พบว่าการออกเดทในวัย 50 ขึ้นไปนั้นให้ผลตอบแทนที่น่าแปลกใจ หากไม่มีแรงกดดันในการหาผู้ปกครองร่วมหรือสร้างครอบครัว ความสัมพันธ์เหล่านี้มักจะเน้นที่ความเป็นเพื่อนและความสนใจร่วมกันเท่านั้น

มองไปข้างหน้า : เมื่อคู่รักจำนวนมากเลือกที่จะหย่าร้างในช่วงวัยชรา ความเข้าใจของสังคมเกี่ยวกับการแต่งงานและความสุขก็พัฒนาต่อไป การหย่าร้างที่เคยเป็นเรื่องน่าตกใจ ตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น เนื่องจากผู้คนจำนวนมากให้ความสำคัญกับการเติมเต็มชีวิตส่วนตัวในทุกช่วงวัยมากขึ้น

แม้ว่าการหย่าร้างในวัยชราจะนำมาซึ่งความท้าทายที่ไม่เหมือนใคร แต่หลายคนที่เคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้วสะท้อนว่า รู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าที่เคยเป็นในหลายปีที่ผ่านมา เมื่อบทหนึ่งจบลง บทใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับการเติบโต การผจญภัย และจุดมุ่งหมายใหม่

เครดิตเนื้อหา :

https://abcnews.go.com/US/gray-divorce-rates-rise-women-open-becoming-single/

https://rollingout.com/2024/12/08/gray-divorce-trend-expert-advice/

https://www.vice.com/en/article/gray-divorce-rates-rise-older-adults-leave-bad-partners/ 

https://www.thairath.co.th/scoop/infographic/2659743

BBC NHK มติชน

เครดิตภาพ :

Figure 1 https://academic.oup.com/psychsocgerontology/article/77/9/1710/6564346

Credits

Author

  • กรรณิการ์ กิจติเวชกุล

    สื่อมวลชนอาวุโส วัยไล่เลี่ยกับ Founder มนุษย์ต่างวัย สนใจความเป็นไปของโลก เมื่อว่างจากงานตบตีกู้โลก ยังสนุกสนานกับการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านเสียงและข้อเขียน

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ