‘สุขภาพดี’ ก็เหมือนการออมเงินในบัญชี ที่ต้องสะสมไว้เพื่อเป็นบำนาญให้กับชีวิต

“มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งมาเล่าให้พี่ฟังว่า เพื่อนอายุ 60 ปี ของเขา มีปัญหาสุขภาพ ทำให้ไม่สามารถเอนจอยกับชีวิตได้ พอเขาเห็นพี่ใน TikTok เขาก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ต่อไปจะใช้ชีวิตแบบไหน จะเป็นคนอายุ 60 ที่ สุขภาพไม่แข็งแรง หรือจะเป็นคนอายุ 60 แบบพี่”

‘คนอายุ 60 แบบพี่ ’ ที่น้องคนนั้นพูดถึง คือการเป็นไอดอลด้านการดูแลสุขภาพของ ‘ตุ๊กตา’ ณัฐรดา สุขสุธรรมวงศ์ ที่มีผู้ติดตามบน TikTok กว่า 50,000 คน ด้วยรูปร่างที่ทั้งฟิตและเฟิร์ม สามารถใส่สปอร์ตบราโชว์ร่อง 11 ได้อย่างมั่นใจแม้อยู่ในวัย 60+

ในอดีตเธอคือสาวออฟฟิศบ้างานที่ลืมดูแลตัวเองจนมีปัญหาสุขภาพ ทั้งปัญหาเข่าเสื่อม หมอนรองกระดูกหลังเสื่อม หมอนรองกระดูกคอเสื่อม และภูมิคุ้มกันต่ำตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่การออกกำลังกายและกินอาหารอย่างถูกต้องทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป

เธอสามารถฟื้นฟูร่างกาย ไม่ใช่แค่แข็งแรงขึ้น แต่เธอยังไปไกลกว่านั้น ด้วยการผันตัวเองมาเป็น Personal Trainer และครูสอน Yoga ตอนอายุ 57 โดยมีลูกศิษย์เป็นคนวัยตั้งแต่ใกล้เกษียณจนถึงวัยหลังเกษียณ

พอมาถึงวัย 60 เธอใช้ TikTok เป็นช่องทางเชิญชวนให้คนหันมาออกกำลังกาย และแนะนำการกินอาหาร ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่ว่า อยากเห็นทุกคนมีสุขภาพดี จนกลายเป็นดาว TikTok ขวัญใจวัยรุ่น และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนลุกขึ้นมาออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ

หากคุณกำลังเป็นหนึ่งคนที่ไม่อยากเจ็บป่วยและเสียเงินก้อนใหญ่ไปกับการรักษาสุขภาพ มนุษย์ต่างวัยชวนอ่านเรื่องราวของพี่ตุ๊กตาที่จะช่วยให้คุณหันมาใส่ใจดูแลตัวเองและวางแผนคุณภาพชีวิตตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

เมื่อก่อนพี่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องการออกกำลังกายเลย ทุกวันของพี่คือการทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงาน เพราะพี่คิดว่าช่วงวัยหนุ่มสาวเป็นนาทีทอง เรื่องสุขภาพไว้ทีหลังได้ เอาความมั่นคงของชีวิตไว้ก่อน

อาชีพแรกของพี่คือเซลล์ ทุกวันพี่จะตื่นตี 5 ออกไปทำงาน ตลอดทั้งวันคือการขับรถหาลูกค้า เรียกว่า วันๆ หนึ่งถ้าพี่ไม่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ ก็จะเห็นพี่นั่งอยู่ในออฟฟิศ เวลาหิวก็กิน ไม่หิวก็ไม่กินจนบางวันลืมกินข้าวไปเลยก็มี เข้างานเจ็ดโมงเช้า เลิกงานห้าโมงเย็น บางวันก็ทำงานเกินเวลา นี่คือรูปแบบชีวิตของพี่ตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน

จนกระทั่งอายุ 27 ปี พี่เริ่มมีปัญหาปวดเข่า ชนิดที่ว่าถ้าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมานิดเดียวจาก 50 กิโลฯ เป็น 53 กิโลฯ หรือขึ้นมาแค่ 1 กิโลฯ พี่จะปวดเข่ามากและจะเดินลำบาก แล้วสมัยก่อนพี่ใส่ส้นสูงทำงาน นอกจากปวดเข่าแล้วยังมีอาการปวดหลังร่วมด้วย เวลานอนก็ปวด ปวดแม้กระทั่งเวลาหลับ มันปวดมากจนพี่ทนไม่ไหวต้องตัดสินใจไปหาหมอ

คำแนะนำของคุณหมอในตอนนั้นคือพี่ต้องดูแลตัวเองไม่ให้อ้วน ด้วยความที่พี่ไม่มีความรู้ พี่ก็คิดว่าวิธีที่จะทำให้พี่ไม่อ้วนก็คือพี่ต้องกินอาหารให้น้อยลง ปรากฏว่าหลังจากนั้นพี่ไม่ได้เป็นแค่เข่าเสื่อมแต่ทุกส่วนของร่างกายเสื่อมหมดเลยเพราะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ พี่กลายเป็นคนร่างกายอ่อนแอถึงขนาดที่ว่าเวลาไปตลาดหิ้วถุงกับข้าวน้ำหนักแค่ 2 กิโลฯ ก็รู้สึกเหมือนแขนจะหลุดออกจากข้อศอก นอกจากปัญหาเรื่องข้อต่อเสื่อมสภาพ ในวัยแค่ยี่สิบปลายๆ ของพี่ยังมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ พี่จะเป็นหวัดง่ายมาก โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม สามเดือนนี้จะเป็นเดือนที่พี่เป็นหวัดและไอตลอดเพราะแพ้อากาศ แล้วพอไอก็จะไอไม่หยุด เรียกว่าเป็นโรคไอเรื้อรังเลยก็ว่าได้

นอกจากปัญหาสุขภาพของตัวพี่เองที่ต้องดูแล พี่ยังมีพ่อแม่ที่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ ในตอนที่พวกท่านเจ็บป่วยในฐานะลูกเมื่อต้องกลายเป็นฝ่ายดูแลพ่อแม่ พี่ถึงได้เข้าใจว่าภาระค่าใช้จ่ายยามที่พ่อแม่เจ็บป่วยมันสูงมาก อย่างตอนที่พ่อพี่ป่วย ท่านเป็นข้าราชการสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ก็จริง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่งอกออกมา โดยเฉพาะค่ายาต่อเดือนที่สูงถึง 2-3 หมื่นบาท โชคดีที่ท่านมีลูกเยอะ พี่ๆ น้องๆ ยังสามารถช่วยเหลือกันได้

แต่ถ้าลองมองในมุมกลับกัน พี่ไม่ได้เป็นข้าราชการ ไม่มีสวัสดิการอะไรมารองรับ ถ้าหากวันนี้พี่เจ็บป่วยขึ้นมา ชนิดที่ว่าไม่ใช่แค่โรคข้อต่อเสื่อม ลูกๆ พี่เขาจะมีกำลังพอที่จะซัพพอร์ตพี่ขนาดนั้นไหม แต่ ถ้าพี่หันมาดูแลตัวเองให้แข็งแรงตั้งแต่วันนี้ นอกจากจะดีกับลูกแล้วมัน ยัง ดีกับตัวพี่เองด้วย โอกาสที่พี่จะได้อยู่ใช้ชีวิตกับลูก ได้อยู่เห็นเขาประสบความสำเร็จในชีวิตก็เพิ่มมากขึ้น พี่เลยตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งในเรื่องของการออกกำลังกายและเรื่องของการกินอาหาร

ใน 1 สัปดาห์ โปรแกรมการออกกำลังกายของพี่คือ โยคะ 2 วัน วันละ 1.30 -2 ชั่วโมง เพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนดี รักษาช่วงการเคลื่อนไหวที่ข้อต่อ และอีก 3-4 วันของสัปดาห์จะฝึก Weight training วันละ 1 ชั่วโมง เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ และทำ Cardio เสริมวันละประมาณ 15 นาที เช่น กระโดดเชือก บางวันพี่ก็จะเต้น Shuffle Dance เพราะ นอกจากจะสนุกแล้ว การเต้นยังทำให้ร่างกายเกิดแรงกระแทกตามแนวดิ่ง มีส่วนช่วยให้กระดูกเรามีความหนาแน่นขึ้น ซึ่งในการออกกำลังกายของพี่ พี่ยึดหลักที่ว่า ไม่หักโหม แต่เน้นการทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

และพี่จะให้ความสำคัญกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมาก เพราะเมื่อคนเราอายุเพิ่มมากขึ้น โอกาสที่ร่างกายของเราจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อก็ยิ่งมากขึ้นตามอายุ แล้ว การมีมวลกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมันมีผลกับคุณภาพชีวิตของพี่ เพราะทุกส่วนของร่างกายไม่ว่าจะเป็นการขยับแขน ขยับขา การยกของ การเดินขึ้นบันได การนั่งบนเก้าอี้ มันเกี่ยวข้องกับการใช้กล้ามเนื้อหมดเลย ซึ่งถ้ากล้ามเนื้อเรามีคุณภาพก็จะทำให้เราเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น ถ้ากล้ามเนื้อเราไม่มีคุณภาพ เราจะเคลื่อนไหว ร่างกาย ยากมาก และเสียการทรงตัวทำให้มีโอกาสหกล้มได้ง่าย และอาจเกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้อีก เพราะฉะนั้นนี่คือเหตุผลว่าทำไมพี่ถึงให้ความสำคัญกับกล้ามเนื้อมาก แต่การออกกำลังกายอย่างเดียวไม่พอ สำหรับตัวพี่เองการกินอาหาร ที่มีประโยชน์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ

วันหนึ่งพี่จะกินประมาณ 6 มื้อ แต่จะกะปริมาณเป็น ข้าวกล้อง 1 กำปั้น ผักอะไรก็ได้หลากชนิด 2 ฝ่ามือ โปรตีนจากปลา ไข่ หรือเต้าหู้ 1 ฝ่ามือ ไขมัน 1 นิ้วโป้ง เช่น ถ้าเป็นอาหารเช้าช่วงที่ตื่นตี 4 พี่จะกิน ขนมปังโฮลวีต กับเนยถั่ว ช่วง 6 โมงเช้าพี่จะกินไข่ดาว 2 ฟอง แล้วก็ผัดผัก ส่วนมื้อกลางวันก็แล้วแต่ว่าสามีอยากกินอะไร บางวันก็กินอาหารตามสั่งง่ายๆ อย่างผัดกระเพรา ถ้าโปรตีนไม่พอ พี่ก็จะเติมโปรตีนเป็นนม หรือเสริมด้วย อาหารสูตรครบถ้วน อย่างเอนชัวร์ ที่มีสารอาหาร 5 หมู่ แทนการกินอาหาร 1 มื้อ ส่วนตอนเย็นพี่จะกินผลไม้ หรือขนมปังเพื่อเติมแป้งให้ร่างกาย แล้วแต่ว่าระหว่างวันพี่ใช้พลังงานไปเท่าไร เพราะว่าพอเราออกกำลังกายร่างกายเราจะต้องการแป้ง เพราะในเซลล์กล้ามเนื้อมันมีเส้นใยโปรตีน มี ไกลโคเจน มีคาร์โบไฮเดต ถ้าเราไม่กินแป้งเลยกล้ามเนื้อก็ไม่สมดุล ไม่แข็งแรง แล้วน้ำมันเราไม่ควรไปรังเกียจมันมากเพราะถ้าไขมันเราได้ไม่พอร่างกายก็ไม่ เบิร์น ไขมัน ฉะนั้นพี่จะกินหลากหลายมาก ถ้าสมมติว่า ออกกำลังกายหนัก รางวัลของการออกกำลังกายคือ ก๋วยเตี๋ยว พี่กับสามีจะชอบมาก ก๋วยเตี๋ยวร้านไหนเด็ด ร้านไหนอร่อยในชลบุรีพี่กับสามีรู้หมด ขนมหวานก็กินได้ไม่กลัวอ้วน เพราะพี่คือมนุษย์ที่กินอาหารทั่วไปแบบที่ทุกคนกินกัน แล้วพอพี่กินอาหารหลากหลายมากขึ้น สารอาหารก็ได้รับมากขึ้น ขณะเดียวกันก็อ้วนยากขึ้น เพราะกล้ามเนื้อเรามันเป็นสิ่งมีชีวิต พอได้รับอาหารได้ออกกำลังกายก็ทำให้กล้ามเนื้อเราสมบูรณ์แข็งแรงมากขึ้น ทุกวันนี้น้ำหนักพี่ 53 กิโลฯ มากกว่าแต่ก่อน 3 กิโลฯ แต่ไม่มีอาการอะไรเลย อีกอย่างเรื่องปวดเข่า ปวดตามข้อพี่ก็ไม่เจอมาหลายปีแล้ว ภูมิคุ้มกันในร่างกายของพี่ก็ดีขึ้น พี่ไม่เป็นหวัดเลยในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง สมองของพี่ก็คิดอะไรได้ฉับไวมากขึ้น

หลายคนอาจจะบอกว่าเรื่องอดีตผ่านไปแล้วอย่าเอามาคิด อนาคตยังมาไม่ถึงอย่าเอามาคิด อยู่กับปัจจุบันดีกว่า จริงๆ แล้วเรื่องอดีตเราเอามาหาข้อผิดพลาดและปรับปรุงแก้ไขได้ เพื่อที่จะไปสู่จุดที่ดีขึ้นในอนาคต เหมือนสุขภาพของพี่ จากเมื่อก่อนเหมือนคนขี้โรค 5-6 ปี หลังจากที่พี่เริ่มดูแลตัวเองพี่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเลย เหมือนหยุดอายุตัวเองไว้แค่ 40 ปี ที่มีร่อง 11 และยังใส่สปอร์ตบราเหมือนสาวๆ สมัยนี้ได้อีกด้วย ทุกปีไปตรวจสุขภาพประจำปีหมอยังชมว่าแข็งแรง

ทุกวันนี้พี่สามารถมีความสุขอยู่กับครอบครัวได้โดยไม่เป็นภาระของลูกๆ ขณะเดียวกันพี่ยังสามารถเป็นครูสอนออกกำลังกายและสอนโยคะให้กับคนวัยใกล้เกษียณและคนวัยเกษียณ และยังสามารถใช้ร่างกายทำในสิ่งที่พี่ชอบ อย่างการเป็นครูสอนออกกำลังกาย หรือแม้แต่การ เล่น TikTok เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพ ทั้งการออกกำลังกาย การดูแลใจ และการกินอาหาร ให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลานและคนวัยเดียวกันได้ลองเอาไปทำตาม

นอกจากเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นแล้ว สิ่งที่พี่ภูมิใจมากที่สุดในชีวิตเลยก็คือ พี่ยังสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับลูกของตัวเองได้อีกด้วย พี่มีลูก 3 คน ลูกสาวคนโตและคนกลางตอนนี้เป็นครูสอนออกกำลังกายและครูสอน โพลแดนซ์ ส่วนลูกชายคนเล็กจากเมื่อก่อนอ้วนมากจนไม่กล้าเรียกว่าลูกชายคนเล็ก เพราะน้ำหนักเกือบ 100 กิโลฯ ตัวใหญ่สุดในบ้าน ทุกวันนี้ตื่นไปออกกำลังกายเป็นประจำ กลายเป็นหนุ่มรักสุขภาพไปแล้ว

ตลอด 10 กว่าปีที่พี่ดูแลตัวเอง การมี ‘สุขภาพที่ดี’ เปรียบเหมือนการออมเงินในบัญชีที่ต้องคอยสะสมไว้เพื่อเป็นบำนาญให้กับชีวิต ที่ไม่ว่าวันนี้คุณจะอายุเท่าไร ก็เริ่มสะสมได้

สนใจผลิตภัณฑ์เอนชัวร์ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและลงทะเบียนเพื่อรับผลิตภัณฑ์เอนชัวร์ขนาดทดลองได้ฟรีที่ https://bit.ly/ 3 ksnBtF 

Credits

Author

  • มนุษย์ต่างวัย

    Authorพื้นที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสังคมสูงวัยในมุมที่สนุก สร้างสรรค์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทุกวัย

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ