มนุษย์ต่างวัยขออาสาพาไปพักใจกับเรื่องราวน่ารักๆ ของคุณยายป้อม อายุ 70 ปี กับน้องหมาชิวาวา “เจ้าเฌอแตม” หมาน้อยวัย 5 เดือน จากเพจ “เฌอแต้มเกินต้าน”
ด้วยความน่ารักเกินต้านขอเจ้าเฌอแตม เวลาที่คุณยายเล่นกับเฌอแตมก็จะมีวิธีแสดงความรักแบบเกินต้าน เริ่มจากดมหัว ดมตัว ดมไข่ ไล่มาเป็น 3 step จนทำให้คุณยายได้ฉายาจากแฟนคลับว่า “คุณยายผู้ดมหมาในตำนาน”
ถ้าเอาหมาเข้าบ้านฉันไม่เลี้ยงนะ เอาไปปล่อยวัด เลือกมาเลยจะเลือกแม่หรือหมา คำขาดจากคุณยาย
“วัทนพร เพราแก้ว” หรือ “กิ๊ฟ” อายุ 35 ปี ลูกสาวของคุณยายป้อมเล่าว่า มนุษย์แม่ก็จะเป็นเหมือนกันทุกบ้าน และมั่นใจว่าทุกคนต้องเคยเจอกับเหตุการณ์นี้ ก็คือ 2 – 3 อาทิตย์ก่อนจะรับน้องมาเลี้ยงก็บอกแม่ว่า จะเอาหมามาเลี้ยงนะ พูดยังไม่ทันจบเสียงสวรรค์ก็ตะโกนมาว่า “เอามาทำไมฉันไม่เลี้ยงนะ เอามาฉันจะเอาไปปล่อยวัดคอยดูสิ” พูดทีไรก็มีอารมณ์หงุดหงิดขึ้นเสียงทะเลาะกันทุกที พร้อมยื่นคำขาดอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่มีวันเลี้ยงหมาอย่างแน่นอน
มีครั้งหนึ่งเคยลั่นวาจาไว้เลยว่า แกจะเลือกใคร ระหว่างแม่กับหมา และคำตอบก็คือ เราก็รับหมามาอยู่ที่บ้านด้วยค่ะ เพราะช่วงนี้หันไปทางไหนก็มีแต่ความเครียด เราเองก็ตกงานเพราะโควิดต้องกลับมาอยู่บ้าน การได้มีน้องหมามาก็อาจจะเป็นตัวช่วยชุบชูใจในช่วงที่หดหู่แบบนี้
หนึ่งวันผ่านไป อะไรๆ ก็มีแต่เฌอแตมหลานยาย
และก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาดเดาและอาจจะเจอกับตัวเอง เพราะพอเอาหมากลับมาที่บ้านจริงๆ คุณยายคนเมื่อวานก็ไม่เหมือนวันนี้อีกต่อไป จากที่เคยลั่นวาจาเป็นดิบดีว่าจะเอาเฌอแตมไปปล่อยวัด แต่พอเฌอแตมเข้ามาบ้าน ด้วยความเป็นหมาเด็กแถมยังขี้อ้อน คุณยายมีหรือจะไม่ตกหลุมรัก ผ่านมาครึ่งชั่วโมงไม่ได้ยินเสียงเห่าก็ตามหากันทั่วว่าเฌอแตม เฌอแตมไปไหน ไม่เหลือมาดคำขู่ว่าจะไม่เลี้ยงอีกต่อไป
มาวันแรกยังวางฟอร์มนะ ไม่จับ ไม่ดู ไม่สนใจ พอเจอน้องหมาอ้อนนิดเดียววันรุ่งขึ้นกลายเป็นหลานรักของยายไปเลย
คุณยายผู้ดมหมาในตำนาน
พอเราเริ่มสังเกตว่าแม่อยู่กับหมาแล้วมีความสุข แอบดูในกล้องวงจรปิดจะต้องเห็นแม่เดินมาเล่นกับเฌอแตม หยิบมาดม มาหอมกันทั้งวัน เราก็รู้สึกว่าน่ารักและก็ขำดีที่เขาหลงรักหมาขนาดนี้ เลยเอาเรื่องเราไปโพสต์แชร์ในกลุ่มของ Gluta Story Club ก็มีคนมาคอมเมนต์และก็ชอบ จนตั้งฉายาให้ว่าเป็น “คุณยายนักดมหมาในตำนาน
เราก็รู้สึกว่าเราอยากเก็บเรื่องราวของแม่กับเฌอแตมไว้เป็นความทรงจำที่ดีและแฟนคลับก็ชื่นชอบเลยทำเพจขึ้นมา ในเพจก็จะรวมเรื่องราวความรักของคุณยายและเฌอแตม จนเดี๋ยวนี้เรียกหมาว่าลูก เรียกลูกว่ามันไปแล้ว (หัวเราะ)
คุณยายจะมี step ในการแสดงความรักจนคนเป็นลูกเริ่มอิจฉาตาร้อน เริ่มจากดมหัว บอกรักเบาๆ ด้วยความเอ็นดู พูดคุยหยอกล้อพอประมาณ แล้วก็ดมตัว และถ้ารักสุดๆ คือดมไข่เฌอแตม ถือเป็นการจบขั้นตอนการแสดงความรักแบบสมบูรณ์แบบ ทำแทบจะทั้งวัน เช้ามาเฌอแตมรู้ว่าห้องคุณยายคือห้องไหนก็จะมารอหน้าห้อง เรียกได้ว่าตื่นนอนก็เจอเฌอแตม ก่อนจะหลับก็ต้องหอมกัน นอนกลางวันก็เคียงข้างกันไม่ห่าง
เปลี่ยนวันที่เครียดให้มีรอยยิ้ม
ก่อนหน้านี้เราเกิดมาก็จะเห็นแม่เลี้ยงหมามาตลอด เรียกได้ว่า 35 ปี ไม่เคยมีช่วงไหนที่ไม่ได้เลี้ยง เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นว่าแม่เป็นคนรักหมามาก ทำให้เราก็รักหมามากเช่นกัน แต่พอช่วงตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา หมาตัวสุดท้ายของบ้านก็ได้ตายไป นั่นจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่แม่ไม่อยากเลี้ยงหมาอีกแล้ว เพราะเขาไม่อยากเสียใจเวลาที่ต้องสูญเสีย
แต่พอมีสถานการณ์โควิด การที่ที่บ้านไม่ได้มีสัตว์เลี้ยง ในแต่ละวันแม่ก็จะอยู่แต่กับหน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งแน่นอนว่าสารพัดข่าวทำให้เขารู้สึกเครียดและหดหู่ ถึงสถานการณ์โควิดที่ดูไม่เห็นทางออกว่าจะจบเมื่อไร เราเห็นเลยว่าแม่ไม่มีความสุข ตัวเราเองก็เครียดและเหงาจากการว่างงาน
ในช่วงโควิดทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า ทางที่ดีที่สุดคือเราต้องหาทางรักษาจิตใจเราและครอบครัวให้อย่างน้อยในยามวิกฤตก็ยังมีมุมที่ทำให้มีความสุขเล็กๆ ได้บ้าง ไม่ใช่เครียดทั้งวัน เลยตัดสินใจว่าการรับเฌอแตมมาเลี้ยงนี่แหละคือทางออกที่ดีที่สุด
ทุกวันนี้ในบ้านก็จะมีแต่เสียงแม่คุยกับเฌอแตม จากที่อยู่แต่กับโทรทัศน์เขาก็มาเล่นแต่กับเฌอแตม พอเขาอยู่กับข่าวน้อยลง ความเครียดก็ลดลง ความสุขก็เพิ่มขึ้น แม้จะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังเหมือนให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขอยู่บ้าง
การที่มีสัตว์เลี้ยงสักตัวให้แม่ ซึ่งเขามีพื้นฐานเป็นคนรักสัตว์อยู่แล้ว มันทำให้เขาเหมือนได้เลี้ยงลูก พูดเสียงน่ารักเหมือนคุยกับเด็กได้ เพราะวันที่เราโตขึ้นทำงานแล้วแม่ก็ไม่สามารถทำแบบเดิมกับเราได้อีก เพราะลูกๆ ก็โตกันหมด ทำงานไม่ได้มีเวลามาอยู่ด้วยกันตลอด
การมีเฌอแตมมาอยู่ก็เหมือนเขาได้คุยกับเด็ก ความสุขในสายตาเขาก็เปล่งประกายมาเลย ยิ่งในยามวิกฤตนี้การเติมความสุขใส่ตัวเองได้บ้างมันก็ดีเหมือนกันแม้หันไปทางไหนก็เจอความสุขได้ยากก็ตาม
ขอบคุณภาพและเรื่องราวจากเพจ : เฌอแตมเกินต้าน