“ไดอานา ไนแอด” (Diana Nyad) คือ นักว่ายน้ำหญิงชาวอเมริกัน วัย 64 ปี นักว่ายน้ำหญิงคนแรกของโลกที่สามารถว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา สู่ปลายแหลมคีย์เวสต์ทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดา ที่มีระยะทางถึง 177 กิโลเมตร โดยมีกรงกั้นปลาฉลาม เธอต้องใช้เวลาว่ายน้ำนานกว่า 53 ชั่วโมง ในท้องทะเลที่ได้ชื่อว่าเป็นบริเวณที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะเต็มไปด้วย ฝูงปลาฉลาม แมงกะพรุนกล่อง สัตว์มีพิษที่ร้ายแรงที่สุด รวมถึงอุณหภูมิน้ำที่ผันผวนพอ ๆ กับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
กว่าจะพิชิตฝันในการว่ายน้ำบนเส้นทางสุดโหดครั้งนี้ได้ “ไนแอด” ต้องผ่านความล้มเหลวมาแล้วถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มต้นเมื่อเธอมีอายุ 28 ปี แต่เธอก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ยังคงเก็บรักษาความฝันไว้และมาเริ่มต้นอีกครั้งในวัย 61 ปี
ไนแอดลุกขึ้นสู้ใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในวัย 61 ปีแต่ก็เผชิญกับความ ล้มเหลว
ครั้งที่ 3 – 4 และ 5 ในวัย 62 -63 และ 64 ปี โชคชะตาก็ยังคงไม่เข้าข้างเธอเผชิญกับความ ล้มเหลวต่อเนื่องทุกปี กระทั่งครั้งที่ 5 ความมุ่งมั่นตั้งใจของเธอก็กลายเป็นจริง เธอเป็นนักว่ายน้ำหญิงคนแรกที่ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้ตอนที่เธอมีอายุ 64 ปี
เพชรคือถ่านหินที่ไม่ยอมแตกสลาย
เส้นทางจากกรุงฮาวานา คิวบา สู่ ปลายแหลมคีย์เวสต์ทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดาคือเส้นทางสุดโหดสำหรับนักเดินทาง เพราะผืนน้ำแห่งนี้คือมหาสมุทรเปิดที่มีกระแสน้ำเชี่ยวกรากและวังน้ำวน รวมถึงกระแสน้ำอุ่นของมหาสมุทรแอตแลนติก (Gulf Stream) ที่คาดเดายากที่สุดในโลก ไม่นับรวมถึงฉลามนักล่า และการโจมตีของแมงกะพรุนกล่อง (box jellyfish) ที่ได้ชื่อว่า เป็นสัตว์มีพิษที่สุดแสนจะอันตราย
การว่ายน้ำในเส้นทางอันตรายเช่นนี้อาจเป็นสิ่งที่ยากเกินศักยภาพของมนุษย์ แต่ความน่าสะพรึงกลัวของมหาสมุทรแห่งนี้กลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้กับนักว่ายน้ำหลายคนที่เชื่อว่าไม่มีสิ่งใดที่จะยากเกินกว่าศักยภาพของมนุษย์ที่มีความมานะพยายาม และหนึ่งในนั้นก็คือ “ไดอานา ไนแอด” นักว่ายน้ำหญิงชาวอเมริกัน
นับตั้งแต่ปี 1950 มีสุดยอดนักกีฬาว่ายน้ำของโลกไม่น้อยที่ต้องการพิชิตเส้นทางที่สุดแสนจะลึกลับและท้าทายแห่งนี้แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้สำเร็จ
ไนแอดมีความคิดที่จะพิชิตเส้นทางอันตรายนี้มาตั้งแต่ปี 1978 เมื่อเธอมีอายุ 28 ปี แม้ครั้งนั้นเธอทำไม่สำเร็จ แต่เหมือนว่าความฝันนั้นยังไม่เคยจากไปไหน กลับฝังแน่นอยู่ในใจของเธอวันแล้ววันเล่า ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ว่าโอกาสที่มนุษย์จะทำสำเร็จมีแค่ 50% เท่านั้น และถ้าเธอทำสำเร็จ เธอจะกลายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์
“เพชรคือถ่านหินที่ไม่ยอมแตกสลาย” คือข้อความที่ถูกแปะไว้ที่ฝาหนังของโรงยิม
เธอกลับมาสานต่อความฝันของเธออีกครั้งเมื่ออายุเข้าสู่วัย 61 ปี ไนแอดฝึกซ้อมอย่างหนักไม่ว่าจะในโรงยิมหรือในสระว่ายน้ำ โดยมีผู้ช่วยคนสนิทอย่าง “บอนนี่ สโตล์ (Bonnie Stoll) ที่แม้จะไม่เห็นด้วยกับภารกิจที่ใช้ชีวิตเข้าแลกเช่นนี้ แต่กลับเป็นคนโค้ชคนสำคัญที่ดูแลไนแอดทั้งร่างกายและจิตใจ
“แน่นอนว่ายน้ำแต่ละครั้ง ไม่ได้เกิดขึ้นโดยลำพัง ฉันต้องมีทีมและฉันมีทีมที่ดี”
ไนแอดล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าจากอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งจากฝูงฉลามนักล่า การโจมตีของแมงกะพรุนกล่องจนเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด รวมถึงการว่ายน้ำในมหาสมุทรเปิดที่มีกระแสน้ำแรงทำให้เธอต้องว่ายน้ำถึง 177 กิโลเมตร ทั้งที่ระยะทางจริงแค่ 165 กิโลเมตร
“ในตอนกลางคืนเราไม่สามารถใช้ไฟได้ เพราะไฟจะล่อแมงกะพรุนและล่อปลาฉลามเข้ามา ดังนั้นเราจึงต้องเดินทางกันในความมืด เชื่อเหอะ คุณไม่เคยเห็นอะไรมืดได้เท่าความมืดนี้ คุณไม่เห็นแม้กระทั้งมือของคุณ และคนบนเรือ บอนนี่และทีมของฉันบนเรือ พวกเขาแค่ได้ยินเสียงแขนของฉันกระทบน้ำ ซึ่งทำให้พวกเขารู้ว่าฉันอยู่ตรงไหน เพราะว่ามันมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิง”
ความล้มเหลวถึง 4 ครั้งและสภาพความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจของไนแอดทำให้ลูกทีมเริ่มถอยห่าง เพราะเห็นว่าความเป็นไปได้ดูเหมือนจะไกลออกไปทุกที ประกอบกับไนแอดมีอายุที่เพิ่มมากขึ้นก็ค่อย ๆ ทำลายความเชื่อมั่นของทีมให้แตกร้าวราวกับถ่านหิน ยังคงเหลือแต่จิตใจของไนแอดเท่านั้นที่ยังแข็งแกร่งดั่งเพชร
แต่ไนแอดไม่ยอมแพ้
ความตั้งใจอย่างมีเป้าหมายและการฝึกซ้อมวันแล้ววันเล่าได้กลายเป็นเชื้อเพลิงที่ส่งพลังออกไปสู่ ทุกคนในทีมจนทำให้ทุกคนพร้อมยื่นมือเข้าสนับสนุนความฝันของเธอและกลายเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของเธอ
ถ้อยแถลง 3 ประการ ในวันที่เท้าแตะผืนดิน
หลังจากความพยายามของไนแอดล้มเหลวมาแล้ว 4 ครั้ง วันที่ 2 กันยายน 2013 เธอสามารถพิชิตชายฝั่งแหลมคีย์เวสต์ ฟลอริด้าได้สำเร็จด้วยการว่ายน้ำต่อเนื่องยาวนาน 52 ชั่วโมง 54 นาที ในวันที่เธอมีอายุ 64 ปี เป็นความสำเร็จที่ต้องแลกมาด้วยความมุมานะที่กว่าจะเดินทางมาถึงต้องใช้้ความพยายามถึง 5 ครั้ง
ผู้คนนับร้อยยืนต้อนรับเธอริมชายหาดรวมถึงบอนนี่-เพื่อนสนิทของเธอ ก้าวแรกที่ไนแอดเหยียบผืนหาด เธอไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่ประคองตัว แต่กลับมี 3 สิ่งที่เธอประกาศออกไปราวกับถ้อยแถลงจากใจของคนไม่ยอมแพ้
“ฉันอยากจะพูดแค่ 3 อย่าง
หนึ่ง อย่ายอมแพ้เด็ดขาด
สอง คุณไม่มีวันแก่เกินจะไล่ตามความฝัน
และ สาม การว่ายน้ำเหมือนเป็นกีฬาที่เล่นคนเดียว แต่มันเล่นเป็นทีมต่างหาก”
“ขออย่ายอมแพ้ คุณสามารถไล่ตามฝันของคุณได้ ไม่ว่าคุณอายุเท่าไร คุณไม่มีวันแก่เกินไป ณ อายุ 64 ปี ฉันเชื่อว่าฉันอยู่ในวัยที่ดีที่สุดของชีวิต”
“เมื่อฉันอายุได้ 60 ปี มันไม่ได้สำคัญที่เรื่องความสำเร็จในการกีฬา มันไม่ใช่ทิฐิที่ว่า “ฉันอยากจะเป็นคนแรก” แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธว่ามันมีอยู่ในใจฉันเสมอ แต่สำหรับฉันมันลึกซึ้งกว่านั้น มันเกี่ยวกับว่าชีวิตนั้นเหลืออยู่เท่าไร เผชิญหน้ากับมันเถอะ เรามีชีวิตเดียวจริงไหม และเราจะทำอย่างไรล่ะ เราจะทำอย่างไร”
ปี 2023 ไนแอดได้รับเชิญสู่เวที TED Talk เรื่องราวของเธอถูกถ่ายทอดสู่ผู้คนทั่วโลกอีกครั้งด้วยท่าทีห้าวหาญ ขบขัน และเป็นมิตร ราวกับว่าเธอได้ค้นพบความลับบางอย่างใต้ผืนน้ำที่ไม่มีใครรู้ และเธอกำลังจะส่งต่อมันไปอย่างไม่รู้จบ
“หลังจากการว่ายน้ำจบลง ฉันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสง่าผ่าเผย ฉันกลายเป็นคนที่ห้าวหาญ ไม่ขลาดกลัวอีกต่อไป และจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในทุก ๆ วัน จนกว่าวันเวลาของฉันจะสิ้นสุดลง
“คนอื่นอาจกำลังเดินทางเพื่อไขว่คว้าดวงดาว แต่สำหรับฉันมันคือการไขว่าคว้าเส้นขอบฟ้า เมื่อคุณพยายามเอื้อมแตะขอบฟ้าแล้ว ต่อให้ไปไม่ถึงตรงนั้น แต่ตัวตนและจิตวิญญาณที่คุณได้ทุ่มเทลงไปมันยิ่งใหญ่กว่านั้นเหลือเกิน
“ฉะนั้น ถ้าคุณมีความฝัน จงออกแสวงหา ไม่มีใครสักคนที่ผ่านชีวิตไปได้โดยไม่ปวดร้าว สับสน คุณไม่มีวันแก่เกินไป ไม่ว่าใครหน้าไหนจะบอกว่าคุณทำไม่ได้ แต่ขอให้เชื่อว่าความฝันนั้นเป็นของคุณ”
เหมือนดังคำกล่าวของเฮนรี เดวิด ทอโร (Henry David Thoreau) นักเขียนที่ไนแอดหยิบยกมาพูดถึงได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อคุณถึงฝั่งฝัน ไม่สำคัญว่าคุณจะได้อะไร แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือคุณได้เปลี่ยนเป็นใครต่างหาก”
ปัจจุบัน เรื่องราวของ “ไดอานา ไนแอด” นักว่ายน้ำหญิงผู้แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ถูกถ่ายทอดผ่านสารคดี The Other Shore: The Diana Nyad Story (2013) และภาพยนตร์ Nyad (2023) เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก
เครดิตภาพ : GETTY IMAGE, swim.de, swim4good.com, JEFFERY A. SALTER/REDUX