“อายุและอุปสรรคไม่ใช่ข้อจำกัดของความฝัน” นักบัลเล่ต์วัย 53 ปี ที่กลับมาทำตามฝันให้สำเร็จอีกครั้ง

“การเต้นบัลเลต์ เคยเป็นความฝันเดียวของพี่เมื่อวัยเด็ก แต่พี่มีปัญหาเข่าอักเสบทำให้ไม่สามารถเต้นได้อีก จนกระทั่งชีวิตมาถึงอายุ 52 ปี ที่ทุกอย่างสำเร็จหมดแล้ว พี่คิดว่าอย่างเดียวในชีวิตที่ยังทำไม่สำเร็จคือบัลเลต์ พี่จึงเริ่มเต้นบัลเลต์ใหม่ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายยังไม่พร้อมนี่แหละ”

มนุษย์ต่างวัยพาไปรู้จักกับ “พี่ผึ้ง – สุดารำไพ สุนทรรังษี” นักบัลเล่ต์ วัย 53 ปี ที่กลับมาเต้นบัลเลต์อีกครั้ง หลังจากที่ไม่สามารถเต้นได้มาหลายปี พี่ผึ้งเต้นบัลเลต์มาตั้งแต่จำความได้ และได้โควตานักกีฬาบัลเลต์ในโครงการช้างเผือกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งอายุ 21 ปี พี่ผึ้งบาดเจ็บจากเอ็นเข่าอักเสบจากการเต้นบัลเลต์อย่างหนัก จำเป็นต้องผ่าตัด ทำให้ไม่สามารถเต้นบัลเลต์ได้อีกต่อไป

“ช่วงเวลานั้นเหมือนโลกจะแตกสลาย เพราะเมื่อก่อนพี่ไม่ชอบเรียนหนังสือ สิ่งเดียวในชีวิตที่ชอบคือการเต้นบัลเลต์ พี่มีความฝันว่าจะอยู่กับบัลเลต์ไปตลอดชีวิต อยากเป็นครูสอนบัลเลต์ อยากมีสตูดิโอเป็นของตัวเอง แต่เราไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไปแล้ว

“ช่วงนั้นต้องรับมือกับตัวเองใหม่ด้วยการไปเรียนด้านแฟชั่น ทำให้ไม่ได้เต้นบัลเลต์อีกเลย แต่ชีวิตที่ผ่านมาจนกระทั่งอายุ 52 ปี ชีวิตพี่ทำมาสำเร็จแล้วทุก ๆ อย่าง ทั้งด้านการเป็นนักเขียน การเป็นพิธีกร การเป็นเจ้าของร้านอาหารระดับมิชลิน เหลือเรื่องนี้แหละ คือการเต้นบัลเลต์

“ถึงวัยนี้เมื่อมีเวลามากขึ้น จึงตัดสินใจไปเข้าคลาสเรียนบัลเลต์ ตอนนั้นแม้ว่าคนรอบตัวจะไม่เห็นด้วย เพราะก่อนหน้านี้เคยเล่นบาสเก็ตบอลจนขาหัก 2 ข้าง ต้องผ่าตัด ทุกครั้งที่เต้นบัลเลต์เราจะเจ็บปวดมาก แต่คิดว่าไม่มีอะไรจะเสีย และเราอยากลอง เราเป็นคนที่ทำอะไรก็จะทำจนสุด

“ตอนที่กลับมาเต้นครั้งแรกเราก็เต้นได้เลย เราจำทุกอย่างเกี่ยวกับการเต้นบัลเลต์ได้หมดเลย ความตั้งใจของพี่ตอนนั้นคือ เราต้องเต้นให้เก่งที่สุดของห้องเรียน เราก็ซ้อมทั้ง ๆ ที่ร่างกายไม่พร้อม แต่ตอนที่เต้นเหมือนสารอะดรีนาลีนหลั่งออกมา ตอนนั้นพี่ลืมทุกความเจ็บปวดของร่างกายไปหมด สิ่งที่โฟกัสมีแค่คาแรกเตอร์ของตัวละครในวันนั้นว่าเราเล่นเป็นตัวละครไหน แต่พอจบการแสดงร่างกายเราจะเจ็บปวดมาก ตอนกลับบ้านต้องเอาเท้าแช่น้ำเย็นสลับกับน้ำร้อนทั้งคืน

“พี่ทำทุกทางให้สามารถกลับมาเต้นได้อีก บางทีก็มีความคิดนะว่า ค่าหาหมอ ค่ารักษาพยาบาลอาจจะมีราคาแพงกว่าการเต้นบัลเลต์อีก แต่ในเมื่อชีวิตนี้เราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ความสุข ความสนุกของเราอยู่ตรงนี้ก็ขอลองทำให้สุด ๆ ก่อน

“ตอนนี้พี่ได้ออกงานโชว์แล้ว วินาทีที่ได้อยู่บนฟลอร์มันมีความสุขมาก ๆ เรารู้เลยว่านี่คือสิ่งที่เรารัก และวันนี้เราทำสำเร็จแล้วมีคนมาดูเราเต้นจริง ๆ ใครมันจะไปคิดว่าในวัย 53 ปี จะยังได้ขึ้นมาเต้นบัลเลต์โชว์บนเวทีอยู่อีก”

พี่ผึ้งยังได้ทิ้งท้ายกับทีมงานมนุษย์ต่างวัยไว้ว่า “ในชีวิตของคนเรามักมี unfinished business หรือสิ่งที่เรายังทำไม่สำเร็จอยู่ อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ ทำเท่าที่ร่างกายเราทำไหว อย่าคิดว่าเราอายุเยอะแล้วจะทำไม่ได้ ทำให้เต็มที่ที่สุดในวันที่เรายังทำไหวอยู่”

แล้วคุณมีความฝันอะไรที่ยังทำไม่ได้ทำและอยากทำให้สำเร็จบ้างไหม ?

Credits

Author

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ