มนุษย์ต่างวัยชวนทุกคนออกเดินทางด้วยสองเท้า สัมผัสเสน่ห์เรื่องราว 3 ย่านเก่าเมืองกรุง นางเลิ้ง เยาวราช–สำเพ็ง และจอมทอง–วัดหนังราชวรวิหาร เดินเที่ยวตามรอยทริปเฉพาะกิจกับแคมเปญไกด์เก๋ากรุง
แคมเปญพิเศษที่ทาง AminoMOF ร่วมกับ ยังแฮปปี้ จัดทริปเส้นทางเดินเที่ยวสุดพิเศษ ที่ออกแบบและนำเที่ยวโดย ไกด์พี่เคน ไกด์พี่พัฒน์ และไกด์พี่นัท 3 ไกด์รุ่นใหญ่วัยเก๋า ผู้ใช้ชีวิตผูกพันกับพื้นที่ในย่านนั้น ๆ มาอย่างยาวนาน จนรอบรู้ปรุโปร่ง ผู้จะมาพาพวกเราออกเดินซอกแซกไปสัมผัสกับซอกมุมต่าง ๆ ของย่าน พร้อมกับฟังเรื่องเล่าสุดคลาสสิกที่คุณอาจไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหญ่ ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผู้คน ชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นตัวเอง ได้ลุกขึ้นมาลองทำอะไรใหม่ ๆ พบเจอผู้คนใหม่ ๆ ได้แบ่งปันประสบการณ์ และใช้ศักยภาพของตัวเองให้เกิดประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะลดความเหงาแล้ว ยังช่วยให้พวกเขากลับมาแอคทีฟและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมทั้งภูมิใจในเรื่องเล่าที่มีแต่คนวัยเก๋าแบบพวกเขาเท่านั้นที่รู้
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบตึกรามบ้านช่องและงานสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ชอบเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยชอบลองของอร่อยที่หากินยาก มีคุณพ่อคุณแม่เป็นแฟนหนังของพระเอกตลอดกาลอย่าง มิตร ชัยบัญชา และที่สำคัญคือไม่กลัวอุณหภูมิที่ร้อนแรงของแสงแดดเมืองไทย เราอยากชวนคุณไปเดินเที่ยว “นางเลิ้ง” ด้วยกัน
ในทริปนี้เรามีไกด์วัยเก๋าลุคเท่ เสียงทุ้ม นุ่มเหมือนพระเอกยุคเก่า อดีตสจ๊วตผู้รักการเดินทางที่เกิดและเติบโตมาในย่านนางเลิ้ง พี่เคน – สุพร อมรจิตรานนท์ วัย 63 ปี พาเราไปแวะชมสถานที่สำคัญหลายแห่ง ทั้งวัดโสมนัสราชวรวิหาร ตลาดนางเลิ้ง วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) ศาลาเฉลิมธานี และปิดท้ายด้วยมื้อเที่ยงจากร้านอร่อยเจ้าดั้งเดิม อย่างเป็ดย่างร้านจิ๊บกี่
พี่เคนมีโอกาสได้อยู่ในหลายเหตุการณ์สำคัญ ทั้งในวันเผาศพมิตร ชัยบัญชา เหตุการณ์ไฟไหม้ตรอกสะพานยาว และทันเห็นยุคสมัยที่ย่านนางเลิ้งยังคงเป็นย่านการค้าที่คึกคักและเฟื่องฟู
“สมัยก่อนนางเลิ้งเป็นศูนย์รวมของอาหารการกินและพืชผลทางการเกษตรต่าง ๆ เพราะเป็นทางผ่านของเรือขนสินค้าทางการเกษตรมาจากอยุธยา สุพรรณบุรี นครสวรรค์ เพื่อมาขายที่ตลาดมหานาค ซึ่งเป็นศูนย์รวมของพืชผักผลไม้ ลูกชิด มันเชื่อม ของต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องใส่น้ำแข็งไส นางเลิ้งเป็นย่านที่เจริญมาก มีทั้งสนามม้า สนามมวย วัด ร้านทอง ร้านเพชร มีกระทรวง 6 กระทรวง รวมทั้งเป็นแหล่งรวมมหรสพและความบันเทิงด้วย
“ตลาดนางเลิ้งถือเป็นตลาดบกเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทยซึ่งรัชกาลที่ 5 เสด็จมาเปิด มีอายุกว่า 124 ปี พี่อยากให้คนที่มาเที่ยวที่นี่ได้เห็นเสน่ห์ของร้านที่เก่าแก่ ทั้งอาหารการกิน ขนมโบราณต่าง ๆ อย่างไส้กรอกปลาแนม ขนมไทยแม่สมจิตต์ ร้านก๋วยเตี๋ยวแคะสุวิมล ข้าวตังหน้าตั้ง ร้านสาคูไส้หมูของย่าสอิ้งซึ่งเป็นสูตรมาจากในวัง
“ของกินหายากอีกอย่างที่ยังมีขายในย่านนางเลิ้งคือขนมจีนไหหลำ ตัวเส้นจะเป็นเส้นใหญ่คล้ายเส้นอูด้ง ใส่ผักกาดดอง ถั่วลิสง มีน้ำจิ้มเป็นกะปิและพริกน้ำส้ม ทุกวันนี้ยังมีให้กินอยู่ ขายประมาณช่วงเย็น ๆ ไปจนถึงสี่ทุ่ม อยู่ตรงข้ามคลองผดุงกรุงเกษม
“นอกจากนี้ทุกคนที่มาเที่ยวย่านนางเลิ้งจะได้เห็นอาคารเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี ได้เห็นหน้าต่างรู หน้าต่างสาวเชือก ซึ่งแทบจะไม่มีให้เห็นในย่านอื่นของกรุงเทพแล้ว รวมทั้งโรงหนังเก่าแก่อย่างโรงหนังนางเลิ้ง และศาลาที่มีรูปปั้นของมิตร ชัยบัญชา ที่ตั้งอยู่ที่วัดแค เพื่อให้แฟนเก่า ๆ ที่คิดถึงยังได้แวะเวียนมา
“พี่ดีใจมากที่ได้เกิดในย่านนางเลิ้ง เพราะมันทำให้พี่ได้เรียนรู้วิถีชีวิตต่าง ๆ ได้รู้จักการละเล่นแบบไทย ๆ อาหารการกินที่เป็นรสชาติมาตรฐานของอาหารไทย ได้กินราดหน้าแดง ข้าวผัดแดง ขนมไทยโบราณต่าง ๆ ได้ดูหนังทั้งไทยและต่างประเทศในราคาถูก ได้เห็นแหล่งรวมอบายมุขต่าง ๆ ทำให้พี่เติบโตมาด้วยวิถีชีวิตที่แข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิต
“พี่มีข้อมูลที่จะเล่าเยอะมาก เพราะพี่เกิดและเติบโตตรงนี้ อย่างเรื่องโรงแรมจิ้งหรีดที่ถูกรื้อทิ้งไป แต่พอเล่าไป พี่ก็กังวลว่าลูกทัวร์จะไม่สามารถจินตนาการภาพตามได้ พี่ประทับใจมากที่ทีมงานทุกคนทุ่มเทเพื่อที่จะจัดทริปในครั้งนี้ เลือกให้พี่ได้เป็นไกด์และเลือกให้นางเลิ้งเป็นหนึ่งในเส้นทางของการจัดทริปในแคมเปญ ที่สำคัญคือผู้เข้าร่วมทริปทุกคนที่ตั้งใจสมัครมาร่วมทริปในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าทุกคนอาจจะจินตนาการภาพตามไม่ได้ทั้งหมด แต่ทุกคนก็ให้ความสนใจฟังเรื่องที่พี่เล่าอย่างเต็มที่”
ย่านเยาวราช–สำเพ็งในวันนี้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจคึกคักที่ไม่เคยหลับใหล เป็นแหล่งรวมของกินอร่อยที่ถูกรีวิวโดยอินฟลูเอนเซอร์มากมาย เป็นย่านการค้าขายและชุมชนของชาวจีน รวมทั้งเป็นแหล่งรวมของสถานที่ศักด์สิทธิ์มากมายทั้งไทย จีน เวียดนาม ที่ชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนไปอยู่เสมอ
วันนี้เราอยากชวนทุกคนย้อนเวลากลับไปสัมผัสเสน่ห์ของเยาวราชในยุค 60 กว่าปีที่แล้ว ไปด้วยกันกับทริป “เที่ยวย้อนเวลากับอาม่าสุดเก๋าในเยาวราช” ของ พี่พัฒน์ พัฒนา ล้ำทวีไพศาล วัย 69 ปี ไกด์วัยเก๋าที่เกิดและเติบโตมาในย่านนี้ ชอบเรียนรู้และลองทำกิจกรรมใหม่ ๆ ทั้งวาดรูป ปลูกต้นไม้ จัดสวน และชวนเพื่อน ๆ จัดทริปไปเที่ยวในเวลาว่าง
“พี่เกิดที่สำเพ็ง เรียนที่นั่น โตที่นั่น สมัยก่อนทุกคนที่อยู่ในย่านนี้รู้จักกันหมด ไม่มีนักท่องเที่ยว มีแต่คนท้องถิ่น และคนที่มาหาซื้อของไปขาย ตอนเด็ก ๆ พี่จะชอบไปซอกแซกตามบ้านคนอื่นมากกว่าอยู่บ้านตัวเอง เพราะสมัยก่อนไม่มีโทรทัศน์ ก็จะไปดูที่บ้านคนอื่น เวลาหนังมาฉายที่ศาลเจ้าพี่ก็ไปดู ดูเป็นสิบ ๆ รอบจนจำบทได้
“พี่เรียนที่เผยอิง ได้เรียนทุกอย่างทั้งการพูด การอ่าน เขียนเรียงความ ฝึกเขียนพู่กัน เรียนวรรณคดี ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ใช้หนังสือที่อิมพอร์ตมาจากเมืองจีน ซึ่งตอนนั้นหลักสูตรในเมืองไทยยังไม่มี คนที่จบเผยอิงในยุคนั้นจะได้เรียนภาษาจีนลึกมาก
“การค้าขายในเยาวราชสมัยก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะหาบเร่และร้านรถเข็น ไม่ได้เป็นสตรีทฟู้ดที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นขนาดนี้ สมัยก่อนบ๊ะจ่างที่เขาหาบมาขาย เราก็รู้จักบ้านเขาเลย เขาจะหาบขายจนหมดแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน ย่านนี้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่มีโซเชียลมีเดียเข้ามา มีคนมารีวิวและแนะนำนักท่องเที่ยวว่าถ้ามาเที่ยวเมืองไทยต้องมาเที่ยวที่นี่ ทำให้เศรษฐกิจตรงนี้ไม่เคยหลับใหลอีกเลย
“ทุกวันนี้ร้านเก่าและร้านใหม่ก็อยู่ปน ๆ กัน ตรงตลาดเก่าทั้งซอยยังขายอยู่ พระรามลงสรงก็ยังมีอยู่ แต่รสชาติไม่ค่อยเหมือนเดิมแล้ว ซอยเจริญกรุง 18 มีร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายฮุยอยู่ การแต่งร้านยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ไม่มีแอร์ วิธีวางบะหมี่ วางลูกชิ้นแบบสด ๆ ขาย แล้วให้ซื้อกลับบ้านได้ ก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
“ถ้าอยากจะกินสบาย ๆ ราคาไม่สูง พี่ชอบร้านซงเต๋อ เดิมทีตรงนี้เป็นร้านโชห่วยของรุ่นปู่ย่าตายาย แต่พอเขาเลิกทำ หลานเขาก็เอามารีโนเวทเป็นร้านติ่มซำและคอฟฟี่ช้อป ติ่มซำเขาจะเป็นลูกเล็ก ๆ พอดีคำ ทำให้กินได้หลายเมนู กาแฟ น้ำสมุนไพรต่าง ๆ ก็ไม่หวานมาก แต่ถ้าเป็นร้านที่กินได้บ่อยหน่อย จะมีก๋วยเตี๋ยวกับกระเพาะปลาอยู่ที่ซอยผลิตผล รสชาติโอเค ราคาชามละ 50-60 บาท หรือถ้าอยากกินขนมหวานจะมีร้านขายเช็งซิมอี๊อยู่ที่ตลาดเก่า แล้วก็ตรงแปลงนามจะมีร้านน้ำเต้าหู้ที่รสชาติโอเค ราคาไม่สูง
“อีกร้านที่พ่อซื้อมาให้กินตั้งแต่จำความได้ แล้วทุกวันนี้ก็ยังขายอยู่คือร้านไท้เฮง พี่ชอบข้าวมันไก่เขามาก แค่กินข้าวเปล่ากับน้ำจิ้ม ไม่ต้องใส่ไก่ก็อร่อยแล้ว ซึ่งคนที่ไม่ได้อยู่ในท้องถิ่นจะไม่ค่อยรู้จัก และเดินมาไม่ถึงตรงนี้
“ภูมิใจนะที่เกิดในย่านนี้ ได้ใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบคนจีน 100% ได้เรียนภาษาจีนแบบเต็มที่ เรียนรู้เรื่องการค้าขายมาตั้งแต่เด็ก และได้ประสบการณ์ชีวิตหลายอย่างที่คนอื่นไม่มี ทำให้เรามีทุกวันนี้ได้
“ทุกวันนี้ความสุขของพี่ก็แค่สุขภาพดี มีเงินใช้ และได้นำศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่ออกมาใช้บ้าง ได้แบ่งปันเรื่องราวและสิ่งที่เราชอบออกไปให้คนอื่น แล้วเห็นทุกคนแฮปปี้ แค่นี้ก็โอเคแล้ว”
สำหรับสายบุญที่ชอบเช็กอินตามวัด หรือชอบงานศิลปกรรมไทย ที่อยากพักกายใจในบรรยากาศที่สงบและสวยงาม โอบล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว ว่างเมื่อไรก็สืบเสาะหาร้านลับ อยากเห็นวิถีชุมชนริมคลอง ชมวิวสองข้างทางด้วยการปั่น หรือชอบปักหมุดเส้นทางตามแม่น้ำและริมคลอง “ย่านจอมทอง” คือที่ที่เราอยากชวนมาลองสัมผัส
พาทุกคนเดินทอดน่องเที่ยวจอมทอง–วัดหนัง ไปกับทริป “เรื่อง(ลี้)ลับของสามวัดริมน้ำ” ของ พี่นัท อาณัติ ปลอดโปร่ง วัย 58 ปี ไกด์วัยเก๋า อารมณ์ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ที่ผันตัวจากงานธนาคารมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการท่องเที่ยววิถีชุมชน
“ปกติพี่เป็นนักเล่าเรื่องท้องถิ่น คอยจัดเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำให้กับสำนักวัฒนธรรมฯ กรุงเทพ พาคนไปเที่ยวตามคลองต่าง ๆ ในเขตธนบุรี ที่ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมแคมเปญไกด์เก๋ากรุง เพราะคิดว่าถ้าเราได้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ก็จะทำให้คนรู้จักและมาเที่ยวในชุมชนย่านจอมทองมากขึ้น
“การจัดทริปครั้งนี้ พี่ตั้งใจว่าอยากกระจายงานออกไปให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมด้วย สิ่งที่พี่ต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษคือเรื่องการจัดเวิร์กช็อป เพราะปกติจะนำเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ พี่ชวนชาวบ้านมาสาธิตการทำอาหารท้องถิ่นของชาวคลองด่านอย่าง ‘แกงคั่วขาว’ ที่มีลักษณะเหมือนลูกผสมระหว่างแกงคั่ว แกงเขียวหวาน และต้มข่าไก่ผสมกัน ซึ่งทุกวันนี้แทบจะไม่มีคนทำเป็นแล้ว นอกจากนี้ก็มีจัดเวิร์กช็อปให้ผู้เข้าร่วมทริปได้ทำพวงมโหตร ซึ่งเป็นเครื่องประดับตกแต่งตามวัดหรือบ้านเรือนในงานมงคลต่าง ๆ ของชุมชนด้วย
สำหรับเรื่องลี้ลับของย่านจอมทองนั้น มีหลายเรื่องที่เราอาจไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่พี่นัทก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ให้กับทุกคนที่ไปร่วมทริปในวันนั้นได้ฟังเรื่องราวสุด unseen นี้ไปพร้อมกัน
“อย่างตำนานเรื่องพระแท่นของรัชกาลที่ 3 ที่เล่ากันว่า ถ้าท่านเสด็จสวรรคตแล้วจะกลับมาอยู่ตรงใต้ต้นพิกุลข้างพระแท่นนี้ ตำนานเรื่องสิงห์ที่อยู่หน้าวิหารวัดราชโอรสที่เล่าลือว่ากินเณรเข้าไป เพราะตอนนั้นมีคนเห็นรอยเลือดและเศษจีวรตกอยู่แถว ๆ ตัวสิงห์ แล้วบังเอิญมีสามเณรที่มาบวชใหม่หายตัวไปในช่วงนั้นพอดีและไม่มีใครเจอเณรอีกเลย หรือจะเป็นเรื่องการใช้เครื่องประดับตกแต่งซึ่งเดิมเป็นของพระประธานวัดนางนองไปประดับบนยอดพระปรางค์วัดอรุณก่อนแล้วสร้างทดแทนขึ้นใหม่ในภายหลัง เนื่องจากขณะนั้นวัดอรุณสร้างเสร็จแล้วแต่เครื่องประดับตกแต่งยังไม่เสร็จ ส่วนวัดนางนองยังสร้างไม่เสร็จ แต่ทำเครื่องประดับเสร็จแล้ว เรื่องราวของตำนานเทพฮกลกซิ่วที่คอยเฝ้าพระอุโบสถวัดนางนอง จุดกำเนิดของต้นตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของธุรกิจห้างเซ็นทรัล
“เรื่องที่รัชกาลที่ 3 ทรงให้ช่างทำลายดอกฝิ่นบนประตูพระอุโบสถและประตูวิหารวัดหนัง เพื่อให้ประชาชนได้รู้จักหน้าตาของฝิ่น และรู้ว่าฝิ่นมีโทษร้ายแรง ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งมีให้เห็นที่วัดหนังเพียงวัดเดียวเท่านั้น ที่อื่นไม่มี รวมถึงเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของคาถาหลวงปู่เอี่ยมที่เล่าขานสืบเนื่องกันมาเนิ่นนาน ผู้คนนิยมไปกราบท่านเพื่อขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ และเรื่องราวของสะพานข้ามทางรถไฟวงเวียนใหญ่-มหาชัยซึ่งเป็นทางรถไฟแบบดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
“นอกจากวัดวาอาราม เขตจอมทองยังมีพื้นที่สีเขียวแห่งสุดท้ายขนาดประมาณ 300 กว่าไร่เหลืออยู่ เรียกว่า ‘บางประทุน’ มีคาเฟ่ขายอาหารไทยฟิวชันซึ่งถูกปรับปรุงขึ้นจากบ้านเดิมที่มีอยู่ รวมทั้งคาเฟ่สวนลิ้นจี่ที่ยังมีต้นลิ้นจี่เก่าแก่อายุ 100 กว่าปีเหลืออยู่ด้วย
“จากจุดเริ่มต้นที่พี่ได้ไปเที่ยววัดราชโอรสแล้วรู้สึกว่าวัดนี้สวย อยากให้คนอื่นได้รู้จักหรือมาเห็นที่นี่แบบที่เราเห็นบ้าง ทำให้พี่ได้ทำงานตรงนี้มาเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่ไปแล้ว ส่วนการเป็นไกด์ในทริปครั้งนี้แตกต่างไปจากการนำทริปปกติในทุกครั้ง เพราะพี่มีโอกาสได้เจอเพื่อนร่วมทริปที่หลากหลาย ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ลองเล่าเรื่องอื่นที่เราไม่เคยเล่ามาก่อนนอกจากเรื่องประวัติศาสตร์ของวัด ดีใจที่ทุกคนชอบเรื่องราวในทริปที่เราเตรียมไว้ให้
“เราเป็นคนธรรมดา ๆ ไม่ได้มีกำลังทรัพย์มากมาย แต่ได้ใช้ความรู้ ความสามารถของเราทำให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชนขึ้นมา ดีใจที่อย่างน้อยสิ่งที่เราทำมันมีก็ประโยชน์อยู่บ้าง แม้พี่จะไม่ได้เกิดและเติบโตที่ย่านจอมทอง แต่ทุกวันนี้พี่ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่นี่ไปแล้ว”
ความสุขของการเดินเที่ยวนอกจากได้สัมผัสเรื่องเล่าที่มีเสน่ห์ในแบบเฉพาะของแต่ละย่านคือการได้ย้อนเวลากลับไปนึกถึงเรื่องราวและความทรงจำดี ๆ ในอดีต รวมทั้งมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างทาง บางคนมีโอกาสได้เจอเพื่อนเก่าที่ห่างหายกันไปนาน ส่วนบางคนก็ได้เจอและรู้จักเพื่อนใหม่
“พี่เกิดที่นางเลิ้ง ที่สมัครมาร่วมทริปครั้งนี้ เพราะอยากกลับมานางเลิ้งอีกครั้ง ได้มาร่วมทริปวันนี้ก็ดีใจมาก ไกด์ประจำทริปของเราก็มีความรู้เยอะมาก ทำให้เราเห็นภาพแล้วรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปวัยเด็กอีกครั้ง พี่ได้เจอเพื่อนเก่าด้วย ตอนแรกก็จำกันไม่ได้แต่สุดท้ายก็ได้คุยกัน สำหรับจุดแวะในทริปที่พี่ชอบคือตลาดนางเลิ้ง เพราะทำให้เรานึกถึงสมัยที่เราเคยอยู่ตรงนี้ เคยมาดูหนังตอนเด็ก ๆ นอกจากนี้พี่ยังได้ความรู้ใหม่ ๆ จากเรื่องที่ไกด์เล่าด้วย”
– พี่เต่า (ผู้เข้าร่วมทริป) –
“ชีวิตในวัยเด็กของเราอยู่ตรงนี้ แต่เราจำอะไรไม่ได้มาก การได้ฟังไกด์เล่า ทำให้เราต่อจิ๊กซอว์ภาพต่าง ๆ ได้ชัดขึ้น ทริปนี้มีความแตกต่างจากทริปอื่นที่เคยไปอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือประสบการณ์ของไกด์ ที่มีความรู้จริง เล่าเรื่องจากประสบการณ์ตรง พอเราถามเรื่องที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ เขาก็บอกได้ ชี้ได้หมดว่าจุดไหนเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง เรื่องที่สองคือการเล่าถึงร้านอร่อยในทริป แล้วพามาแวะกินเลย ก็น่ารักดี”
– พี่ตุ๊กเต๋ (ผู้เข้าร่วมทริป) –
AminoMOF ชวนทุกคนก้าวออกไปสนุกกับชีวิตด้วยการเดินเที่ยว สัมผัสโลกในจังหวะที่ช้าลง มองภาพรอบตัวให้ชัดเจนขึ้น ซึมซับกับวิถีชุมชน และดื่มด่ำกับเสน่ห์สองข้างทางได้มากขึ้น ไม่มีที่ไหนไกล ถ้าใจและร่างกายเราพร้อม
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร AminoMOF ที่มีกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ประกอบด้วย Histidine, Isoleucine, Leucine, Lysine, Methionine, Phenylalanine, Threonine, Tryptophan และ Valine ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ชงดื่มง่าย ไม่มีน้ำตาล แคลอรีต่ำ มีส่วนผสมของคอลลาเจน ช่วยในเรื่องผิวพรรณและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มความฟิตให้ชีวิตเอ็นจอยได้ในทุกมูฟ