“A Man Called Otto” ชายแก่ขี้โมโห ตกงาน เมียตาย และอยากจบชีวิตตัวเองตลอดเวลา จนได้เจอเหตุผลของการมีชีวิตอยู่จากคนข้างบ้าน

หากคุณอยู่ในวัยใกล้หกสิบ อยู่ ๆ ก็ตกงานแบบสายฟ้าแลบ เมียแสนรักก็เพิ่งตายไปไม่กี่เดือน เพื่อนฝูงที่ไม่ได้มีมากมายก็เปลี่ยนจากเพื่อนกลายเป็นศัตรู แล้วชีวิตที่เหลืออยู่อีกตั้งหลายสิบปีจะมีความหมายอะไรเล่า ? คุณจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อจริง ๆ หรือ ?

และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวจากหนังเรื่อง A Man Called Otto (2022) หรือในชื่อไทยคือ มนุษย์ลุง..ชื่ออ๊อตโต้ หนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ “อ๊อตโต้ แอนเดอร์สัน (Otto Anderson)” ชายแก่ขี้โมโหที่เพิ่งสูญเสียภรรยารักไป ซ้ำร้ายยังเพิ่งจะตกงานจากการบีบออกของบริษัทเพราะต้องการเอาคนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำงานแทน โลกสมัยใหม่ที่หมุนไปไวเหลือเกินคงไม่เหมาะสมกับเขาอีกต่อไป ไม่มีอะไรเป็นเหตุผลให้อยากมีชีวิตอยู่ การฆ่าตัวตายกลายเป็นเป้าหมายใหม่ในชีวิต แต่โลกก็ดูเหมือนจะไม่เข้าข้างให้ตายสมใจเสียที เพื่อนบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามากลายมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาได้รู้จักคำว่า ครอบครัวและหันกลับมามองเห็นอีกด้านที่สวยงามของชีวิตที่เหลืออยู่อีกครั้ง

อยู่คนเดียวก็ได้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าอยู่ด้วยกัน

อ๊อตโต้แหงนหน้ามองฝ้าเพดานสูง เขากะให้ตำแหน่งตะขออยู่ที่จุดกึ่งกลางพอดีสำหรับเชือกยาว 5 ฟุตที่ซื้อเตรียมไว้ตั้งเมื่อเช้า เมื่อตรวจดูแล้วว่าตะขอแน่นหนา กระดาษหนังสือพิมพ์ที่วางรองไว้ที่พื้นเรียงเสมอกันเรียบร้อยอย่างดีแล้ว เขาพร้อมแล้วสำหรับการอำลาโลกใบนี้

นาทีนั้นเอง เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นหน้าบ้าน สาวท้องแก่วัยสามสิบเศษกำลังส่งเสียงให้สัญญาณชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่น่าจะเป็นสามีถอยรถอย่างทุลักทุเล แผนการจบชีวิตที่ถูกออกแบบไว้เป็นอย่างดีของอ๊อตโต้จำต้องระงับไว้ชั่วคราว เขาเปิดประตูบ้านออกไปตามเสียงนั้นด้วยความรำคาญใจ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้จักกับเพื่อนบ้านใหม่ทั้งสอง

มาริซอล (Marisol) เป็นหญิงสาวแม็กซิกันที่คล่องแคล่ว รักการพูดคุย และพร้อมจะผูกมิตรกับผู้คนรอบตัวอยู่ตลอดเวลา (รวมทั้งอ๊อตโต้ด้วย) แต่กลับไม่มีอะไรเป็นระเบียบเรียบร้อยสักอย่างจนทำให้เราเห็นความวุ่นวายรอบตัวเธออยู่เสมอ และหลายครั้งทำให้เธอดูเป็นคนสติแตกอยู่บ่อย ๆ

ส่วนทอมมี (Tommy) คือผู้ชายที่มองโลกในแง่ดีในแบบที่เกือบจะไร้สาระ เขาขาดทักษะหลาย ๆ อย่างที่ควรมีจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นคนไม่เอาไหน เขาจอดรถได้แสนห่วย เครื่องมือช่างง่าย ๆ แม้กระทั่งประแจก็ยังไม่รู้จัก เพื่อนบ้านใหม่คู่นี้ช่างแตกต่างจากอ๊อตโต้เสียเหลือเกิน

เพราะอ๊อตโต้คือชายแท้โบราณที่มีการแต่งกายสุดเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว เขามีวินัยในชีวิตประจำวันที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง แก้วจานชามเข้าชุดถูกหยิบมาใช้ในเวลาเดิมทุกวันในบ้านที่แสนเป็นระเบียบ เขาทำทุกอย่างที่จำเป็นในชีวิตได้ด้วยตัวเองอย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะถอยรถพ่วง เปลี่ยนโซ่จักรยาน หรือซ่อมเครื่องทำความร้อน นั่นทำให้เขากลายเป็นที่พึ่งพาให้กับหนุ่มสาวละแวกบ้านอย่างปฏิเสธไม่ได้

ในช่วงแรก อ๊อตโต้ดูรำคาญใจเพื่อนบ้านใหม่อย่างมาริซอลและทอมมีไม่น้อย รวมถึงหนุ่มสาวละแวกบ้านคนอื่นที่ดูจะทำอะไรก็ขัดใจชายแก่อย่างเขาไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นการใส่ชุดกีฬารัดติ้วออกมาเดินออกกำลังกายยามเช้าพร้อมท่ายืดเหยียดแบบที่เขามองว่าน่าเกลียด การจอดจักรยานผิดที่ การโยนหนังสือพิมพ์แบบชุ่ย ๆ เข้ามาที่หน้าบ้าน ไปจนถึงการไร้จิตสำนึกในการแยกขยะ คงจะดีกว่าถ้าเขาได้ใช้เวลาอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง แล้วดำเนินภารกิจจบชีวิตตามที่เขาตั้งใจได้เสียที

แต่เป็นมาริซอลนั้นเองที่พยายามทะลายกำแพงสูงลิบที่อ๊อตโต้สร้างขึ้น อาหารแม็กซิกันแปลกประหลาดแต่ทว่ารสชาติดีเยี่ยมถูกหยิบยื่นให้กับอ๊อตโต้ถึงหน้าประตูบ้านตั้งแต่วันแรกที่เจอ ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงเคาะประตูบ้านอ๊อตโต้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอความช่วยเหลือบางอย่าง ทั้งขอให้ขับรถพาไปโรงพยาบาล สอนขับรถเกียร์กระปุก ช่วยดูแลลูกสาวทั้งสอง ไปจนถึงช่วยซ่อมเครื่องล้างจาน จากวันนั้นมา อ๊อตโต้กลายเป็นผู้ช่วยเบอร์หนึ่งให้กับเพื่อนบ้านอย่างมาริซอลและทอมมีแบบไม่เต็มใจนัก แต่นั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกของอ๊อตโต้ที่มีต่อพวกเขาเปลี่ยนไป ความโดดเดี่ยวในใจอ๊อตโต้กลับค่อย ๆ จางหาย กลายเป็นความผูกพันห่วงใย จนเกิดเป็นมิตรภาพและการเกื้อกูลราวกับเป็นคนในครอบครัว

เพราะชีวิตนี้ยังมีความหมาย

“ชีวิตฉันเป็นสีขาว-ดำมาตลอดก่อนเจอซอนย่า และเธอคือสีสันในชีวิตของฉัน”

ชีวิตของอ๊อตโต้ตั้งแต่วัยหนุ่มนั้นแสนโดดเดี่ยว เขาฝันอยากเป็นทหารเพื่อหารายได้ให้ครอบครัว แต่ร่างกายกลับไม่เป็นใจนัก โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ (Hypertrophic cardiomyopathy) ทำให้เขาไม่ได้มีชีวิตอย่างใจหวัง ชีวิตที่แสนเบื่อหน่ายผ่านไปแต่ละวันเหมือนสีขาวกับดำจนกระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต

ซอนย่า (Sonya) คือสาวสวยที่เขาบังเอิญเจอที่สถานีรถไฟหลังกลับจากการตรวจร่างกายเพื่อเป็นทหาร จากวันนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองคนเติมเต็มกันเปรียบเสมือนกลางวันกับกลางคืน ชีวิตครอบครัวกำลังไปได้สวย ทั้งสองกำลังจะมีลูกด้วยกันจนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุระหว่างไปฮันนีมูนที่น้ำตกไนแองการา

รถบัสของพวกเขาคว่ำด้วยปัญหาจากสายเบรก ไร้ความรับผิดชอบใด ๆ จากบริษัท ซอนย่าไม่สามารถเดินได้อีกต่อไปและทั้งคู่เสียลูกชายในท้องไปตลอดกาล ซ้ำร้ายการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในเขตที่อยู่อาศัยของเขายังไม่เอื้ออำนวยให้คนพิการเอาเสียเลย การปะทะกันระหว่างเขากับเจ้าหน้าที่ทำให้อ๊อตโต้ถูกโหวตออกจากสมาคมเจ้าของบ้าน เขาโมโหจัดและอยากทำลายทุกอย่างให้สิ้นซาก และคงเป็นจุดเริ่มต้นให้อ๊อตโต้กลายเป็นชายที่โกรธโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

“ซอนย่าบอกว่าเราต้องอยู่ต่อไป ฉันเลยอยู่เพื่อซอนย่า แต่วันนี้เธอไม่อยู่แล้ว ฉันก็จะไป” อ๊อตโต้บอกกับมาริซอล

ซอนย่าจากไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 6 เดือนก่อน อ๊อตโต้กลายเป็นชายชราที่แสนโดดเดี่ยวอีกครั้ง เขายังคงเก็บข้าวของทุกอย่างของซอนย่าไว้เป็นอย่างดีราวกับเธอไม่เคยจากไปไหน เสื้อโค้ตสีชมพูของซอนย่ายังแขวนอยู่ที่เดิม ที่ว่างข้างเตียงนอนยังคงถูกเว้นไว้ให้เธออยู่เสมอทุกค่ำคืน ภาพความสุขแสนหวานของชีวิตคู่ที่ยังติดอยู่ในห้วงความคิดยิ่งทำให้เขาทุกข์ระทม เขาได้แต่ใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ทุกวันอย่างเป็นกิจวัตรและไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร หลุมศพของเขาถูกเตรียมไว้เป็นอย่างดีเคียงข้างซอนย่าเพื่อรอให้ถึงวันที่เขาจะได้มาอยู่กับเธออีกครั้ง

แต่เหตุการณ์ปั่นป่วนน่ารำคาญใจจากละแวกบ้านที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องวางความทุกข์ลงชั่วคราว และเอื้อมมือให้ความช่วยเหลือ แต่จบภารกิจเมื่อใด แผนการฆ่าตัวตายของเขาก็จะถูกนำกลับมาอีกครั้งด้วยวิธีการที่หลากหลายทั้งผูกคอตาย ยิงตัวตาย หรือแม้กระทั่งรมควันในรถยนต์

มาริซอลเพื่อนบ้านจอมป่วนนั้นเองคือคนที่เห็นสัญญาณนี้ เธอค่อย ๆ เข้าใจชายแก่ที่แสนโดดเดี่ยวคนนี้ทีละน้อย ภายใต้ความเกรี้ยวกราดนั้นอาจเป็นสัญญาณอันตราย มาริซอลเปลี่ยนฐานะจากผู้รับความช่วยเหลือ กลายเป็นผู้ที่ยืนมือประคองอ๊อตโต้ในวันที่เขาล้มลงจนแทบยืนไม่ไหว และเป็นเธอนี้เอง ที่ช่วยเขาจัดการข้าวของของซอนย่าที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความทรงจำของอดีต เพื่อให้เขามูฟออนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หนังค่อย ๆ ฉายให้เราเห็นความสัมพันธ์ของอ๊อตโต้กับเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ผ่านปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่จะผ่านพ้นไปไม่ได้เลยหากไม่ได้ความช่วยเหลือของเขา และนี่เองที่เป็นสิ่งยืนยันว่าชีวิตของเขายังมีคุณค่าและความหมายต่อผู้อื่นเพียงใด

ไม่ว่าจะเป็นวันที่เขาเลือกกระโดดลงไปช่วยชีวิตชายแปลกหน้าที่ล้มลงบนรางรถไฟ ในขณะที่ทุกคนเอาแต่ถ่ายคลิป ช่วยดูแลลูกมาริซอลและทอมมีให้ในวันที่ทั้งคู่อยากพักผ่อนจากช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า ซ่อมข้าวของเล็ก ๆ น้อยให้แก่เพื่อนบ้าน เป็นที่พึ่งพาให้มัลคอล์ม (Malcolm) เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยวที่โดนรังแกและถูกไล่ออกจากบ้าน ช่วยรูเบ็น (Reuben) กับอานิต้า (Anita) เพื่อนบ้านเก่าแก่ที่กำลังถูกบีบจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ให้ย้ายบ้าน ให้กำลังใจมาริซอลในวันที่สิ้นหวังจากการหัดขับรถ รวมถึงกลายเป็นที่พึ่งพาสุดท้ายให้กับเจ้าแมวเหมียวจรจัดข้างบ้านนั้นด้วย

การได้ช่วยเหลือผู้อื่นให้ความหมายของการมีชีวิตอยู่อย่างที่อ๊อตโต้คาดไม่ถึง มันทำให้เขาเห็นความสวยงามของชีวิต ได้เห็นการเติบโตของเด็ก ๆ เห็นก้าวใหม่สำคัญของมัลคอล์ม ได้กลับมาเยียวยามิตรภาพที่แตกร้าวกับรูเบ็นและอานิต้าและยังอดห่วงไม่ได้ถ้าหากเจ้าแมวจรไร้ชื่อตัวนั้นจะไม่มีข้าวกิน

หนังทำให้เราเห็นว่าไม่มีใครในโลกที่ใครสมบูรณ์แบบ แต่ละคนล้วนมีความงี่เง่าไม่เอาไหนทั้งสิ้น บางคนอาจเป็นพ่อที่ดีแต่ขับรถไม่เอาไหนอย่างทอมมี บางคนอาจเป็นเพื่อนรักปากร้ายที่ขัดใจกันอย่างไร้เหตุผลมานานนับสิบปีอย่างรูเบ็นและอานิต้า หรือบางคนอาจเป็นแค่คนเด็กหนุ่มส่งหนังสือพิมพ์เปี่ยมฝันแต่เพียงสังคมไม่ยอมรับในแบบที่เขาเป็นอย่างมัลคอล์ม ไม่มีใครมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร้ที่ติ แต่ความเว้าแหว่งและบกพร่องของมนุษย์แต่ละคนจะถูกเติมให้ดียิ่งขึ้นได้จากความช่วยเหลือของผู้คนที่อยู่รายล้อมต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรัก แมวจรจัด ครอบครัวคนข้างบ้าน เด็กส่งหนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่ใครบางคนที่เราแทบไม่รู้จัก

นอกจากนี้ หนังยังสะท้อนให้เราเห็นความหมายของครอบครัวที่มากไปกว่าพ่อแม่พี่น้องในบ้านเดียวกัน เพราะแต่ละคนอาจไม่ได้เกิดมามีชีวิตแบบที่ปรารถนา อาจไม่ได้มีครอบครัว คนรัก พ่อแม่ ได้อย่างที่ใจฝัน แต่ในวันที่เราเลือกชีวิตของเราได้แล้ว เราทุกคนสามารถสร้างครอบครัวใหม่ได้เองเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ พวกเขาอาจเป็นเพียงคนข้างบ้านที่เพิ่งรู้จักกัน เป็นเพื่อนเก่าที่เคยบาดหมาง หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ขอเพียงแค่รู้จักยอมรับความไม่เอาไหนของอีกฝ่าย เห็นอกเห็นใจและคอยประคับประคองกันในวันที่อ่อนล้า

ในวาระสุดท้าย อ๊อตโต้สิ้นลมหายใจเพียงลำพังในบ้าน เขาไม่ได้คิดฆ่าตัวตายอีกแล้ว แต่นี่คือการจากไปตามธรรมชาติ บนโต๊ะมีเพียงจดหมายเล็กๆ ถึงมาริซอลที่เขาเตรียมการไว้อย่างดีเช่นเคย ตั้งแต่การเลี้ยงดูแมวไปจนถึงการจัดการทรัพย์สิน ทุกอย่างถูกแจกแจกไว้อย่างละเอียดเรียบร้อยในแบบที่เขาเป็นเสมอมา ในพิธีศพ เขาไม่ได้ต้องการพิธีใหญ่โต ขอเพียงแค่การรำลึกถึงเท่านั้น ในวันสุดท้ายของชีวิต อ๊อตโต้ไม่ได้มีชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว แต่รอบกายเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เคยเป็นเพียงคนแปลกหน้า แต่ทว่าวันนี้พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกัน และนี่เอง อาจเป็นความหมายของคำว่าครอบครัวและเหตุผลของการมีชีวิตอยู่

ขอบคุณภาพประกอบจาก

  • NIKO TAVERNISE/SONY PICTURES VIA AP

Credits

Author

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ