คุณยายอาลี่หมี่หั่น เซ่ออีถี (Alimihan Seyiti) ชาวซินเจียงอุยกูร์ อาศัยอยู่ที่เมืองคัชการ์ ทางตะวันตกของประเทศจีน ได้จากไปอย่างสงบ ด้วยวัย 135 ปี เป็น 1 ใน 10 คนซึ่งทางการจีนให้การยอมรับว่าเป็น ผู้มีอายุมากที่สุดในโลก
คุณยายเกิดในรัชสมัยราชวงศ์ชิงตอนปลายทำให้เธอมีลูกหลานมากถึง 6 เจเนอเรชั่น และในห้วงวาระสุดท้ายของชีวิต คุณยายก็จากไปท่ามกลางการรายล้อมของสมาชิกครอบครัวที่คุณยายเฝ้ามองการเติบโตและดูแลกันมา ถึง 43 ชีวิต ที่พวกเขาพร้อมใจกันเดินทางมาส่งคุณยายในวันที่คุณยายต้องเดินทางไกลอย่างไม่มีวันกลับ
หลานผู้ทำหน้าที่ดูแลคุณยายมาตลอดหลายปีเล่าว่า ยายของเธอ เป็นคนที่ชอบหาความสุขจากสิ่งเล็กๆ ในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ ในตอนที่ยังมีเรี่ยวแรงทุกเช้าคุณยายจะตื่นมาปั่นจักรยาน ออกกำลังกาย หรือไม่ก็เดินเล่นในสวนบริเวณบ้านเพื่อรับแสงแดดอุ่นๆ และอากาศสดใสในยามเช้า วันละหลายชั่วโมง พอตกเย็นจะหยิบจับเครื่องดนตรีมาร้องรำทำเพลงเพื่อความสนุกสนาน
แม้ว่าในช่วงท้ายๆ ของชีวิตที่ไม่มีเรี่ยวแรง ต้องนอนพักอยู่แต่บนเตียง แต่หากได้ยินเสียงดนตรีที่คุ้นเคยเมื่อใด เท้าของคุณยายจะขยับตามจังหวะเสียงเพลงอยู่ตลอด และอีกหนึ่งปัจจัยทีทำให้คุณยายอายุยืน หลานของเธอก็คิดว่า น่าจะเป็นเรื่องการรับประทานอาหาร เพราะคุณยายจะรับประทานอาหารตรงเวลาเสมอ
วิถีชีวิตและอายุที่ยืนยาวของคุณยายกลายเป็นเรื่องที่สื่อหลายสำนักให้ความสนใจ ทำให้มีนักวิจัยชาวจีนเดินทางเข้าไปค้นคว้าในเมืองแห่งนี้และ พบว่าเมืองคัชการ์ มีผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 90 ปี อีกหลายครอบครัว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสภาพอากาศและวิถีชีวิตของผู้คนที่ต่างสัญจรด้วยจักรยานในชีวิตประจำวัน เมืองแห่งนี้จึงได้รับการกล่าวขานว่า หากใครได้ไปอยู่อาศัยแล้วจะอายุยืนขึ้นอีกหลายปี
แต่การมีอายุยืนก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเสมอไป หลานของคุณยายเล่าว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คุณยายต้องมาเห็นการจากไปของคนในครอบครัวไปก่อนเธอ ทั้งที่ในความเป็นจริงคุณยายควรจะต้องจากไปก่อน และในช่วงท้ายๆ ของชีวิต สิ่งที่คุณยายอยากทำกลับทำได้เพียงฟังเพลงและขยับร่างกายได้เบาๆ เวลาส่วนใหญ่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนเตียงแทน
ในวันที่โลกมีวิทยาการก้าวหน้ามากขึ้นและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ต่างเห็นตรงกันว่า คนจะอายุยืนยาวขึ้นเรื่อยๆ จำนวนผู้สูงอายุก็จะเพิ่มสูงขึ้น หากคุณมีชีวิตยืนยาวแบบคุณยาย คุณคิดว่า ชีวิตที่ยืนยาวควรเป็นอย่างไร และมีคุณภาพชีวิตแบบไหนที่จะตอบโจทย์ การอยู่อย่างมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ
ขอบคุณภาพจาก : AsiaWire Report