“Old Enough ! ผจญภัยวัยอนุบาล” ซีรีส์แห่งความสุขที่ผู้ใหญ่ดูแล้ว คิดถึงตัวเองตอนเป็นเด็ก

“ภารกิจแรก” ในวันที่ “หนูโตพอแล้ว”

“Old Enough ผจญภัยวัยอนุบาล ” หรือชื่อญี่ปุ่น “ ฮะจิเมะเตะ โนะ โอทสึไค” (はじめて の おつかい , Hajimete no Otsukai) ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่าการทำธุระครั้งแรก เป็นซีรีส์แนวเรียลลิตี้ ซึ่งผู้ปกครองจะมอบหมายภารกิจเล็กๆ ให้ลูกน้อยวัยอนุบาลได้ฝึกฝนความรับผิดชอบ เช่น ปล่อยให้ไปซื้อของเอง หรือให้ไปทำธุระแทนในละแวกบ้าน โดยจะมีพี่ๆ ตากล้องคอยติดตามบันทึกภาพอยู่ห่างๆ ตั้งแต่ออกจากบ้านจนกลับถึงบ้าน ทำให้ผู้ชมต้องพลอยลุ้นระทึกไปตลอดทางว่าหนูๆ จะทำภารกิจสำเร็จไหม

จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ มีตั้งแต่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย เหมาะกับทุกคนในครอบครัว และยังเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข เพราะดูไปก็ยิ้มไป ดูไปก็หัวเราะไปกับความน่ารักน่าชัง และความเฉลียวฉลาดในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามช่วงวัยของพวกเขา แถมยังมีคำบรรยาย และเสียงหัวเราะคลอไปตลอดเรื่องที่มีความยาวแต่ละตอนเพียง 10 นาที + ด้วย

เหนืออื่นใด สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจหลักก็คือการได้เห็นบรรยากาศครอบครัวในสังคมญี่ปุ่นว่าเป็นอย่างไร และภายใต้เรื่องราวน่าเอ็นดูนั้น สะท้อนขนบธรรมเนียม หรือค่านิยมอะไรบ้าง ซึ่งแน่นอนแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสังคมไทย

เพราะสำหรับคนไทย อาจมีคำถามในใจว่า เห .. ทำไมพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นกล้าปล่อยลูกๆ ไปทำภารกิจตามลำพังนอกบ้านแบบนั้น แถมเด็กๆ ยังรู้สึกสนุกเสียด้วยสิ แม้จะมีบางคนแอบร้องไห้งอแงบ้าง แต่หนูน้อยก็ยินยอมทำตามคำสั่งผู้ปกครองแต่โดยดี หรืออีกคำถามก็คือบ้านเมืองเขาปลอดภัยขนาดนี้เชียวเหรอ

แต่สำหรับคนที่เคยไปญี่ปุ่นมาบ้าง และเคยสังเกตุเห็นวิถีชีวิตของเด็กๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนราวบ่าย 3 โมง คงไม่แปลกใจ หรือมีคำถามนี้ เพราะเด็กๆ ราวๆ ประถมหนึ่งเห็นจะได้ในชุดเครื่องแบบนักเรียนพร้อมหมวก และเป้ “รันโดะเสะรุ” (Randoseru) ที่ช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้ เด็กๆ เหล่านี้ มักจับกลุ่มเดินกลับบ้านกันเองตามลำพังจนเป็นเรื่องปกติ

ที่น่าสนใจก็คือวิถีชีวิตแบบนี้ สามารถพบเห็นได้แม้แต่ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่สำคัญอย่างโอะโมะเตะซันโดะ (Omotesando) ในกรุงโตเกียว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมหานครที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยจำนวนประชากร 35 ล้านคน และเมื่อเจอภาพนี้เข้า ก็ทั้งประทับใจและแปลกใจไปพร้อมๆ กัน หรืออีกตัวอย่างก็คือในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ มักจะเห็นเด็กโตปั่นจักรยานโดยสะพายเครื่องดนตรีบ้าง อุปกรณ์กีฬาไว้บนหลังบ้าง ขณะเดินทางไปใช้เวลากับกิจกรรมนั้นๆ

หรือในแต่ละวัน มักจะเห็นคุณแม่ปั่นจักรยานโดยมีลูกคนโตนั่งซ้อนท้ายบ้าง ลูกคนเล็กอยู่ในเบาะตระกร้าหน้าบ้าง จนดูเหมือนไม่ค่อยกังวลกับความปลอดภัยบนท้องถนนสักเท่าไหร่ ซึ่งก็คงจะเป็นเพราะผู้คนที่นั่นเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เนื่องจากค่าปรับสุดโหด และยังถูกตัดแต้มใบขับขี่ด้วย (คนเขียนเองตอนไปญี่ปุ่นแรกๆ เคยนั่งรถที่เพื่อนขับไปจอดแถวชินจุกุ เพื่อจะแวะกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ตอนรอเลยลงจากรถลงไปสแนปรูปตึกแถวนั้น แค่สองสามนาที พอกลับมาเจอใบสั่งเสียบไว้หน้ารถแล้ว เพื่อนบอกที่นี่ตำรวจจราจรหูตาไวยิ่งกว่าสับปะรด เพราะมีกล้องวงจรปิดติดไว้แทบทุกตารางเมตร สรุปเลยต้องไปโอนค่าปรับที่ธนาคารเป็นเงิน 5 พันเยน)

ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัย แต่มลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ก็น้อยด้วย ทำให้สามารถปั่นจักรยานไปไหนๆ ได้ เพราะกฎหมายควบคุมอายุการใช้งานรถยนต์ที่เข้มงวด อย่างรถประจำทาง หากจอดติดไฟแดงก็มักดับเครื่องยนต์เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้รถปล่อยควันเสียออกมา

วิถีชีวิตที่เห็นจากการท่องเที่ยวยังเชื่อมโยงถึงวิถีชีวิตที่เห็นจากซีรีส์ด้วย เพราะภารกิจที่เด็กๆ ทำนั้น คือการฝึกฝนให้พวกเขามีความรับผิดชอบตั้งแต่ตัวแค่นี้ สมกับชื่อ “Old Enough !” ซึ่งสังคมญี่ปุ่นถือว่าแม้หนูๆ จะอยู่ในวัยอนุบาล แต่ก็โตพอที่จะมีความรับผิดชอบแล้ว

ซีซั่นใหม่ประทับใจกว่าเดิม

ในซีซั่นแรกมี 20 ตอน แต่ซีซั่น 2 มีเพียง 10 ตอน ซึ่งแต่ละตอนเมื่อเริ่มภารกิจในวัยเด็กแล้ว ก็มีเซอร์ไพรส์ด้วยการตัดภาพไปในวัยผู้ใหญ่ด้วย เพื่อให้เด็กแต่ละคนหวนรำลึกความหลังว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และพร้อมหรือไม่ที่จะฝึกฝนลูกๆ ให้ทำภารกิจเช่นเดียวกับที่ตัวเองเคยทำมาก่อน โดยแต่ละตอน ไม่เพียงแค่ได้ยิ้ม หัวเราะ แต่ยังน้ำตาซึมอีกด้วย

อย่างตอนแรก ซึ่งถ่ายทำกันตั้งแต่ปี 1991 หรือเมื่อ 32 ปีมาแล้ว เป็นเรื่องราวของหนูน้อยเคนจังวัย 5 ขวบ ซึ่งคุณแม่มอบหมายภารกิจให้ไปซื้อถั่วงอก ยากิโซบะ และขนมปังไส้แกงกะหรี่ในร้านค้าแถวบ้านที่อยู่ห่างออกไปราว 300 เมตร “ผมช่วยแม่อยู่ครับ ผม 5 ขวบแล้วนะครับ” เคนจังบอกโอะบะซัง (คุณป้า) ที่ร้านค้า ซึ่งยืนยันได้ว่า หนูโตพอแล้วจริงๆ

แล้วภาพก็ตัดมาที่อีก 17 ปีต่อมา ซึ่งเคนจังเติบโตเป็นหนุ่มวัย 22 ปีแล้ว และกลายเป็นช่างยนต์ในอู่ซ่อมรถยนต์ของพ่อ ส่วนแม่ได้จากเขาไปเมื่อ 7 ปีก่อน เคนจังไปที่หลุมศพของแม่ พร้อมเอ่ยถึงความทรงจำที่แม่เคยพูดถึงเขาว่า “ลูกเป็นเด็กมีความสามารถ” แล้วภาพก็ตัดกลับมาตอนที่เคนจังอายุ 5 ขวบ และกำลังวิ่งไปทำภารกิจให้แม่

ขณะแม่เฝ้ามองเคนจังวิ่งไปตามถนน ก็บ่นไปพลางว่า ภารกิจนี้พี่ชายของเคนจังทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก แต่เคนจังต้องวิ่งกลับมาถามแม่ที่บ้านถึง 2 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าภารกิจที่แม่สั่งจะไม่ผิดพลาด แล้วภาพก็ตัดกลับไปตอนเคนจังอายุ 22 อีกครั้ง หากเคนจังแต่งงานมีลูก เขาจะสอนให้ลูกทำภารกิจแบบเดียวกับที่แม่สอนเขาไหมนะ เคนจังบอกว่า “ลูกๆ ของผม ก็น่าจะต้องเป็นเด็กที่มีความสามารถ และครับ ผมจะสอนลูกๆ ให้ทำภารกิจเหมือนผม”

แค่ตอนเดียวภายในเวลา 15 นาที ก็ได้เห็นอะไรมากมาย ได้เห็นการใช้ชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง ได้เห็นวิธีเลี้ยงลูก ได้สัมผัสถึงความรักความอบอุ่น และความนับถือที่แม่มีต่อลูก ซึ่งเป็นสายสัมพันธ์ที่ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น เช่นเดียวกับการฝึกฝนให้ลูกมีความรับผิดชอบในภารกิจเล็กๆ ก็ได้รับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเช่นกัน

เหนืออื่นใดคือการได้เห็นสังคมคุณภาพ ซึ่งผู้คนเคารพกฎระเบียบ จนทำให้บ้านเมืองมีความปลอดภัยมากพอที่เด็กคนหนึ่งจะวิ่งออกจากบ้าน (มองซ้ายมองขวาแบบที่ได้รับการฝึกมาก่อน) และข้ามถนนบนทางม้าลายได้อย่างสบายใจ หรือแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ เช่น ร้านขนมปังในญี่ปุ่นเมื่อ 32 ปีก่อนนั้น บรรยากาศไม่ต่างจากวันนี้เลย

Old Enough ! เคยออกอากาศทางช่อง Nippon TV ในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1991 และเป็นรายการยอดนิยมด้วย ทำให้เรารับรู้ว่าคนญี่ปุ่นเองก็ชื่นชอบเรื่องราวแนวนี้ไม่แพ้คนไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่ คงเฝ้าดูการปฏิบัติภารกิจของเด็กๆ อย่างใจจดใจจ่อ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของพวกเขา ซึ่งฝึกฝนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ และเติบโตไปทีละนิด ขณะเดียวกัน พวกเขาอาจกำลังมองเห็นตัวเองเมื่อครั้งวัยเยาว์เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ทุกคนก็เป็นได้

ขอบคุณภาพจาก :  Netflix

Credits

Author

  • นัธพร ศิริรังษี

    Author"มนุษย์โลกสวยที่เคารพความแตกต่างของผู้คน เพราะเชื่อว่านี่คือสีสัน และความหลากหลายในการดำรงชีวิต ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และโลกที่กำลังขับเคลื่อนไปสู่สิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจหมายถึงความท้าทายใหม่ๆ ที่รอเราทุกคนอยู่ด้วย"

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ