เพราะในยุคปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า งานที่ทำอยู่จะมีความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นผลจากการมาของ AI หรือการลดต้นทุนของบริษัทต่าง ๆ ดังนั้นการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเฟสต่อ ๆ ไปของชีวิตจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องวางแผนและเตรียมการให้ดี
มนุษย์ต่างวัย ชวนไปทำความรู้จักกับ “SkillsFuture” โครงการเพิ่มทักษะอาชีพและสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับประชาชนของประเทศสิงคโปร์
ในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา รัฐบาลและภาคการศึกษาในสิงคโปร์ได้เร่งรณรงค์เชิญชวนผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปให้เพิ่มทักษะ (upskill) และเรียนรู้ทักษะใหม่ (reskill) เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ทั้งนี้ การช่วยเหลือแรงงานที่กำลังเผชิญกับภาวะเสี่ยงตกงานได้มีการปรับรูปแบบที่ให้การสนับสนุนทางการเงินที่ตรงจุดมากขึ้น จากการประชาสัมพันธ์ สู่การให้เครดิตไปเรียนที่สถาบันต่างๆ โดยในปี 2025 โครงการ SkillsFuture ของสิงคโปร์จะมอบเงินสนับสนุนสูงสุดถึง 6,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (มากกว่า 156,000 บาท) ให้กับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เพื่อเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ให้มีความสอดคล้องกับโลกยุคใหม่ ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนแบบเต็มเวลาหรือพาร์ทไทม์ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเงินเดือนตามสัดส่วนอีกด้วย
โครงการ SkillsFuture มีหลักสูตรพัฒนาทักษะแห่งอนาคต 8 ด้าน คือ
1) การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)
2) เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech)
3) งานบริการด้านเทคโนโลยี (Tech-Enabled Services)
4) สื่อดิจิทัล (Digital Media)
5) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)
6) ความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)
7) การผลิตขั้นสูง (Advanced Manufacturing)
8) การแก้ปัญหาของเมืองใหญ่ (Urban Solutions)
โดยหลักสูตรที่รองรับโลกยุคใหม่จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ หลักสูตรพื้นฐาน ระดับกลาง และระดับสูง ประกอบด้วย
1. Care Economy:
- มุ่งเน้นด้านสุขภาพ (Healthcare) เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมผู้สูงวัย
- ทักษะแห่งอนาคตในด้านทรัพยากรมนุษย์ (Future Skills in HR)
- มีการให้คำปรึกษาอาชีพ (Career Counseling) เพื่อเสริมสร้างเส้นทางอาชีพที่เหมาะสม
2. Green Economy:
- เน้นการศึกษาเกี่ยวกับ ESG (Environmental, Social and Governance) เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability)
3. Digital Economy:
- การเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือ AI (AI Tools), ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity), การออกแบบนวัตกรรม (Design Innovation) และกลยุทธ์ธุรกิจดิจิทัล (Digital Business Strategy)
หลักสูตรดังกล่าวจะทำงานร่วมกับสถาบันวิชาการ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างการยอมรับจากองค์กรและพัฒนาทักษะอาชีพตามความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ยังมุ่งกระตุ้นให้ประชาชนเพิ่มทักษะอาชีพอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคต
มาลองตามไปดูประสบการณ์ตรงจากเหล่าผู้ที่เข้าร่วมโครงการ SkillsFuture กัน
Gazali Ahmad เคยมีประสบการณ์ในการทำงานหลายด้าน เช่น การศึกษาและการเงิน ก่อนจะตัดสินใจไปขับแท็กซี่นานถึง 6 ปี จนเมื่ออายุ 52 ปี ในปี 2021 เขาได้สมัครเข้าร่วมโปรแกรม SkillsFuture ซึ่งรับรองว่าจะฝึกเขาให้เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ภายใน 9 เดือน ปัจจุบันในวัย 53 ปี Gazali ทำงานเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์เต็มรูปแบบให้กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก โดยเขามีความเชี่ยวชาญในโปรแกรมหลายภาษา และทำเงินได้มากกว่าการขับรถถึงสามเท่า (นักพัฒนาซอฟต์แวร์เต็มรูปแบบคือวิศวกรที่ดูแลระบบฐานข้อมูล, เซิร์ฟเวอร์, และพัฒนาระบบตามความต้องการของลูกค้า)
Gazali เป็นพ่อหม้ายมีลูก 4 คน เขาเคยสนใจในคอมพิวเตอร์มาตลอดแต่ไม่เคยศึกษาจริงจังและไม่เคยคิดว่าจะทำอาชีพอื่นได้ แต่เมื่อหลักสูตรนี้เปิดรับสมัคร เขาจึงตัดสินใจลองสมัครเรียนกับ Generation Singapore องค์กรไม่แสวงหากำไรที่สนับสนุนการพัฒนาทักษะและช่วยหางานให้กับผู้เรียน
Gazali มีประกาศนียบัตรด้านวิศวกรรมเครื่องกล เขาเข้าร่วมหลักสูตรเข้มข้นเป็นเวลา 3 เดือน และฝึกงานจริงอีก 6 เดือนในตอนแรกเขารู้สึกท้อแท้เพราะเพื่อนร่วมชั้นเป็นคนรุ่นใหม่และรู้สึกกังวลว่านายจ้างจะไม่พิจารณาเขาเพราะอายุ อย่างไรก็ตาม หลังจากเรียนจบเขายังทำงานล่วงเวลาสุดสัปดาห์และในที่สุดเขาก็ได้งานที่ต้องการ
ดร.วอลเตอร์ ธีเซรา รองศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์สิงคโปร์ กล่าวว่าหลักสูตรการฝึกอบรมช่วยส่งสัญญาณไปยังนายจ้างว่าบุคคลสามารถปรับตัวและพัฒนาทักษะได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการหางาน Gazali กล่าวว่า “แม้ว่าเวลาจะผ่านไปอีก 10 ปี ผมอายุ 63 เทคโนโลยีต่าง ๆ จะเปลี่ยนไป แต่ผมก็ยังต้องการที่จะตามให้ทันและมีส่วนร่วม”
Arnold Lim วัย 56 ปี เป็นคนที่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และพิสูจน์ว่าอายุไม่ใช่อุปสรรคในการบรรลุเป้าหมาย เขาเปลี่ยนอาชีพจากงานธนาคารไปเป็นมนุษย์ไอที ตั้งแต่อายุ 50 ปี และเพิ่งได้รับการรับรองเป็นโค้ชฟิตเนสจาก National Registry of Coaches
หลังจากถูกเลิกจ้างจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปที่ธนาคารแห่งหนึ่งในปี 2017 Arnold ตัดสินใจเข้าสู่วงการไอที ซึ่งเป็นอาชีพที่เขาต้องเริ่มต้นใหม่ โดยศึกษาอย่างเข้มข้นและสำเร็จการศึกษาด้านไอทีถึง 5 ใบภายใน 3 ปี รวมถึงประกาศนียบัตรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จาก Nanyang Polytechnic ที่ได้รับทุนจาก SkillsFuture
Arnold เผชิญกับความท้าทายเนื่องจากลูกค้าและเพื่อนร่วมงานมีความกังขาเกี่ยวกับความสามารถของเขา เขาเริ่มต้นใหม่จากศูนย์และต้องทำงานร่วมกับทีมที่มีอายุน้อยกว่า แต่ด้วยความพยายาม รวมถึงการสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เขาจึงสามารถปรับตัวเข้ากับงานได้สำเร็จ
เขาชี้ให้เห็นว่าหลายคนอาจไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพกลางคันได้เนื่องจากปัญหาทางการเงิน โดยเฉพาะเมื่อมีครอบครัวต้องดูแล อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ สามารถเข้าร่วมโปรแกรม SkillsFuture Level-Up ที่จะสนับสนุนเงินทุนในการฝึกอบรมให้สูงสุดถึง 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน เป็นเวลา 24 เดือน โดยโปรแกรมนี้จะเริ่มต้นในปีหน้า
ตอนนี้ Arnold กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แต่เขาต้องการมุ่งเน้นในเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยตั้งใจจะลงทะเบียนเรียนหลักสูตรวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายที่ Republic Polytechnic เขากล่าวว่า “ผมได้พิสูจน์ให้ตัวเองเห็นแล้วว่าทำได้ ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพและความฟิตของตัวเองเป็นอันดับแรก”
เมื่อคุณนึกถึงทีมงานเบื้องหลังเกมยิงปืนสุดโปรด ภาพที่นึกถึงมักจะเป็นคนหนุ่มสาวที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี แต่ Nelly Lee ซึ่งเป็นผู้หญิง Gen X วัย 40+ ได้ทำลายภาพความเชื่อเดิม ๆ เหล่านี้โดยสิ้นเชิง เธอทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัท DevOps และมีบทบาทสำคัญในการทำให้เกมยิงปืนและ Battle Royale ยอดนิยมไม่ให้เกิดอาการกระตุก
ก่อนหน้านี้ Nelly เคยทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่เมื่อเกิดการปิดพรมแดนในปี 2021 เธอต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและอนาคตที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีลูกสาวตัวน้อยให้ดูแล ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ เธอได้ค้นพบหลักสูตรของ SkillsFuture ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เธอเปลี่ยนเส้นทางอาชีพ
แม้ว่าเธอจะไม่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีก็ตาม แต่แรงบันดาลใจจากพี่ชายที่เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ช่วยกระตุ้นให้เธอกล้าเรียนรู้ เธอลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Microsoft Cloud Support และ DevOps ด้วยทัศนคติที่ว่า “ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ?”
การเริ่มต้นอาชีพใหม่ในโลกเทคโนโลยีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเรียนรู้คำศัพท์และเครื่องมือต่างๆ ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลครอบครัว อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งคืออายุของเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกว่ายากที่จะศึกษาหาความรู้ อย่างไรก็ตาม Nelly ใช้แรงบันดาลใจจากลูกสาวและการสนับสนุนจากพ่อแม่ผลักดันตนเองจนสามารถก้าวผ่านอุปสรรคไปได้
ในที่สุด ความพยายามของเธอก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อเธอได้รับตำแหน่งวิศวกร DevOps ที่บริษัทเกมชั้นนำระดับนานาชาติ ทุกวันนี้ Nelly ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเกม และใช้ความรู้ที่เธอได้เรียนรู้ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
Nelly มีคำแนะนำสำหรับผู้ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะเข้าร่วมโปรแกรมนี้หรือไม่ “สำหรับผู้ที่ไม่แน่ใจว่าจะเสี่ยงหรือไม่ ฉันขอแนะนำให้ลองดู เพราะคุณจะไม่สูญเสียอะไรเลย แถมยังเป็นการลงทุนในตัวเองอีกด้วย”
“ฉันแนะนำหลักสูตรนี้ให้เพื่อน ๆ ของฉันหลายคน ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่มีโครงการนี้ เพราะหลักสูตรนี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้ทักษะที่มีประโยชน์แถมยังได้งานทำอย่างรวดเร็ว”
และเธอยังคงเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อรับการรับรองใน Kubernetes ตลอดจนวางแผนพัฒนาตนเองต่อไป โดยมุ่งหวังจะก้าวขึ้นเป็นพนักงานตำแหน่งอาวุโสก่อนอายุ 50 ปี
ถึงแม้ว่าในประเทศไทยจะยังไม่มีโครงการสนับสนุนเงินทุนให้พัฒนาทักษะแบบ SkillsFuture ในตอนนี้ แต่เรื่องราวของ Gazali Ahmad, Arnold Lim และ Nelly Lee รวมถึงผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจเช่นเดียวกับพวกเขาเหล่านี้ ก็นับเป็นแรงบันดาลใจดี ๆ ให้หลายคนกล้าที่จะเดินออกจากเซฟโซน และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเฟสต่อไปได้เช่นกัน
อ้างอิง
https://www.skillsfuture.gov.sg/SkillsFutureStories/from-banking-to-beyond–defying-stereotypes
https://www.skillsfuture.gov.sg/SkillsFutureStories/from-travel-to-tech–biting-the-bullet
https://knowledgeportal.okmd.or.th/article/64743f065260a
https://www.facebook.com/thewokesalaryman https://www.facebook.com/sgministryofmanpower
ขอบคุณภาพจาก
https://www.skillsfuture.gov.sg/SkillsFutureStories/from-travel-to-tech–biting-the-bullet
https://www.skillsfuture.gov.sg/SkillsFutureStories/from-banking-to-beyond–defying-stereotypes