ลุกขึ้นมา ‘แต่งให้สวย Style 50+’ ไม่ว่าวัยไหนก็สวยได้ในแบบของตัวเอง

“เราว่ามันหมดยุคของการตีกรอบแล้วว่า คนวัยไหนควรใส่เสื้อผ้าอะไร ควรมีไลฟ์สไตล์แบบไหน เพราะไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนทุกคนก็สามารถที่จะมีความสุขได้ในแบบที่ตัวเองต้องการ”

มนุษย์ต่างวัยคุยกับ หน่อย-ชุติมา แสนนนท์ วัย 57 ปี แฟชั่นไอดอลด้านการแต่งตัวและเจ้าของเพจ ‘แต่งให้สวย Style 50+ เพจที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ วัย 50+ มีความมั่นใจในการลุกขึ้นมาแต่งตัว ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สวยขึ้นได้

เพราะหน่อยเคยเป็นหนึ่งคนที่ตีกรอบความคิดของตนเองเอาไว้ว่า มีสามี มีลูก มีงานประจำทำ แถมยังอยู่ในวัยที่มีภาระผูกมัด ไม่ใช่สาวๆ ที่จะใช้ชีวิตได้อย่างอิสระเสรีเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นแค่ทำงานให้ประสบความสำเร็จ ดูแลครอบครัวให้ดี ช่วยสามีหาเงินไว้เพื่ออนาคตของลูกๆ ก็พอแล้ว

จนวันหนึ่งที่เธอถูกทักว่าอายุของเธอช่างสวนทางกับผิวพรรณ หน้าตา และสไตล์การแต่งตัวก็ดูแก่เกินอายุจริงไปไกล จนสูญเสียความมั่นใจ หลังจากวันนั้นเธอจึงขอปฏิญาณตนกับตัวเองว่า จะลุกขึ้นมาแต่งตัวให้สวยทุกวัน ดูแลใส่ใจตัวเองทั้งภายนอกและภายใน ไปจนถึงปรับเปลี่ยนความคิดที่มีต่อการใช้ชีวิต

แต่การลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองในครั้งนี้ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร หน่อยบอกว่า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสุขภาพและความสุขของตัวเธอเอง

อ่านเรื่องราวของหน่อยพร้อมเคล็ดลับในการใช้ชีวิตให้มีความสุขแบบไม่แคร์วัยในโพสต์นี้

หน่อย – ชุติมา แสนนนท์ วัย 57 ปี เล่าย้อนกลับไปถึงชีวิตก่อนหน้านี้ให้ฟังว่า สมัยก่อนเธอทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ซึ่งเป็นงานประจำที่มีความเครียด มีความกดดันสูง โดยเฉพาะช่วงที่ต้องปิดงบประมาณ เที่ยงคืนยังต้องนั่งหลังคดหลังแข็งทำงาน บางคืนไม่ได้นอนเลยก็มี

และด้วยตำแหน่งงานที่ไม่จำเป็นต้องออกไปพบปะผู้คน ดังนั้นเธอจึงมีความคิดว่า ไม่จำเป็นต้องแต่งตัว แต่งหน้าให้ดูดีก็ได้ ยิ่งมีสามีและลูกแล้ว ก็ไม่รู้จะฟุ่มเฟือยกับของเหล่านั้นไปทำไม คิดแค่ว่าจะต้องทุ่มเททำงานให้สำเร็จ และเอาเวลาส่วนที่เหลือมาดูแลครอบครัว

“เมื่อก่อนเราไม่เคยนึกถึงตัวเองเลย ละเลยทุกอย่างที่เป็นตัวเอง สไตล์การแต่งตัวของเราก็คือป้ามาก ไม่ได้สนใจเลยว่าวันนี้ต้องใส่เสื้อผ้าอะไร ต้องทำผมทรงไหน ต้องแต่งหน้ายังไงให้ดูดี เน้นออกไปทำงานได้ก็โอเคแล้ว เพราะสิ่งที่เราสนใจมีอยู่แค่สองอย่างคือ ฉันต้องทำงานให้ได้ตามเป้าหมายเพื่อความมั่นคง และเมื่อกลับมาบ้านก็ต้องดูแลครอบครัวให้ดีในฐานะภรรยาและแม่ของลูก

“ซึ่งเมื่อก่อนการถูกเรียกว่าป้าในวัยที่ยังไม่น่าจะถูกเรียกถือเป็นเรื่องปกติมากสำหรับเรา แต่ก็ยอมรับว่ามันทำให้รู้สึกสูญเสียความมั่นใจในตัวเองลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเมื่องานต้องเจอกับสภาวะกดดัน แต่สภาพจิตใจเราไม่พร้อม ก็จะรู้สึกหงุดหงิดมาก บางครั้งทำให้เครียดจนนอนไม่หลับ เริ่มเจ็บป่วยไม่สบาย ร้ายแรงกว่านั้นคือเริ่มหาความสุขให้ตัวเองไม่เจอ”

เมื่อถามว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้หน่อยลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง เธอเล่าให้ฟังว่า

“พออายุก้าวเข้าสู่เลข 50 มันเหมือนเราเริ่มมองเห็นสัจธรรมในชีวิตอย่างหนึ่งคือ ไม่มีอะไรยั่งยืน และคงอยู่โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เราเริ่มเห็นเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันหลายคนมีปัญหาครอบครัว ถึงขั้นหย่าร้าง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการนอกใจ สามีไปมีกิ๊ก

“เพื่อนบางคนก็เริ่มเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่หักโหมในช่วงที่ทำงาน แ ล้วเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้นมันก็เริ่มมาสะกิดที่ใจเรา เราไม่รู้หรอกว่าความเปลี่ยนแปลงพวกนั้นมันจะมาถึงตัวเองเมื่อไร

“จนกระทั่งวันหนึ่ง มีคนทักเราว่าอายุแค่ 50 เองเหรอ ในความหมายของเขาคือ อายุของเราสวนทางกับรูปร่างหน้าตาและบุคคลิกภายนอกมาก เขาคิดว่าเราน่าจะอายุเยอะกว่านั้น ทำให้เราเริ่มหันมามองตัวเองแล้วว่า ที่ผ่านมาเราไม่ได้ใส่ใจดูแลตัวเองแค่ไหน

“วันที่เราหันกลับมาดูหน้าตัวเองแบบพิจารณาดูมันจริงๆ ส่องกระจกดูแล้ว โอ้โห … โทรมมาก ใต้ตาก็ดำ ผิวพรรณแห้ง หยาบกร้าน มีริ้วรอย มีความหย่อนคล้อยเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่ลักษณะภายนอกที่เปลี่ยนไป แต่สุขภาพข้างในของเราก็เริ่มแย่ ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง ตอนกลางคืนจะชอบเป็นตะคริวจนนอนไม่หลับ เวลาเดินเหินก็มีอาการทรงตัวไม่ค่อยดี ทำอะไรก็จะเหนื่อยง่าย ไม่มีแรง เหมือนกับคนที่ใช้ร่างกายมาเยอะแล้วอะไหล่มันก็เริ่มเสื่อมถอย

“ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ต้องแย่แน่ๆ แล้วถ้าพูดกันตรงๆ เราก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย เราจะขอลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองสักครั้ง

“หลังจากวันนั้นเราก็ตั้งใจปฏิญาณตนกับตัวเองเลยว่า ฉันจะไม่หยุดสวย ไม่ว่าตอนนี้จะอายุเท่าไรก็จะขอลุกขึ้นมาแต่งตัวให้สวยทุกวัน”

“ความตั้งใจแรกของการปฏิวัติตัวเองก็คือ ‘ปรับลุค’ จากคนที่ไว้ผมหน้าม้าตรงๆ ผมยาวถึงก้นมาตลอดก็ตัดสินใจตัดให้สั้นลงเพื่อให้ดูเป็นคนมีความมั่นใจ มีบุคลิกทะมัดทะแมง เริ่มทำสีผมให้หน้าดูสว่าง แล้วก็เริ่มเพิ่มสีสันให้ตัวเองด้วยการเรียนรู้เรื่องการแต่งหน้า ทาปาก แล้วเราก็เริ่มมาปรับสไตล์การแต่งตัว เลือกใส่เสื้อผ้าให้ดูทันสมัย มีความเป็นแฟชั่นหน่อยๆ จากเดิมที่จะเลือกใส่แต่เสื้อผ้าโทนมืด หรือเบส ก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันจัดๆ มีความสดใส และหลากหลายมากขึ้น

“แต่ด้วยความที่พื้นฐานเราไม่ใช่คนชอบแต่งตัวมาก่อน ไม่ได้มีรสนิยมที่ดีในการเลือกเสื้อผ้าให้ตัวเอง ช่วงแรกๆ ที่ปฏิวัติตัวเองลำบากมาก ไม่เข้าใจแฟชั่นเลย ไม่รู้ว่าจะต้องแต่งตัวแบบไหนถึงจะเหมาะสม ไม่รู้ว่าจะแมตซ์เสื้อผ้าสีไหนให้เข้ากัน ไม่รู้ว่าต้องเลือกกระเป๋า รองเท้ายังไงให้คุมโทน ก็เลยต้องไปเข้าคอร์สอบรมการแมตซ์สีเสื้อผ้า และฝึกแต่งตัวตามฝรั่ง ดู Reference ต่างประเทศใน Pinterest อย่างวันนี้เราใส่สูทสีบานเย็น เราก็จะเลือกสะพายกระเป๋าสีน้ำเงินให้มันตัดกันไปเลย แล้วก็ใส่แว่นหน่อยให้ดูมีความเท่

“ประมาณ 2 ปีที่เราลุกขึ้นมาปรับลุคตัวเอง คนรอบข้างก็เริ่มจำไม่ได้แล้ว จากคนที่เขาเคยมองเราว่าแก่เกินอายุตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นชื่นชม จากที่เมื่อก่อนถูกเรียกว่าป้า ตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าเรียกแล้ว แล้วเราก็รู้สึกได้ว่าเราสวยขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น หัวใจเรามันก็พองโตขึ้นทุกวัน สามีก็สนับสนุน ลูกๆ ก็สนับสนุนพาไปใช้ชีวิตในแบบที่คนสมัยใหม่เขาฮิตๆ กัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเอ็นจอยมาก สนุกกับการได้แต่งตัวออกไปคาเฟ่ สนุกกับการได้ถ่ายรูปสวยๆ สนุกที่ได้พาตัวเองไปเจอกับสังคมใหม่ๆ เรามีความสุขมากจริงๆ ที่ได้เป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด”

“การลุกขึ้นมาแต่งตัวให้สวยก็ส่วนหนึ่ง แต่การที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นจริงๆ สุขภาพที่แข็งแรงก็เป็นส่วนสำคัญต้องไม่ลืมใส่ใจ โดยเฉพาะการออกกำลังกายและการกินอาหารที่เหมาะสมกับวัย ทุกๆ วันตอนเย็นเราจะออกไปเดินประมาณ 40 นาที 5-6 กิโลฯ หรือไปว่ายน้ำตามโอกาส เอาที่ร่างกายเราไหว แล้วก็จะพยายามนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะว่าร่างกายเราถูกใช้งานมาหนักมากพอแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องชดใช้คืน

“เรื่องอาหารก็กินให้หลากหลายหน่อย แต่ต้องใส่ใจเลือกกินอาหารที่ไม่ไปกระตุ้นให้เกิดโรคด้วย เช่น พวกของมัน ของทอด และอาหารที่หวานมากๆ ที่ทำให้เสี่ยงเกิดโรคอ้วน เบาหวาน ความ ดัน ที่สำคัญเลยคือการเสริมด้วยวิตามินรวม และ แคลเซียม ที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายเราต้องการในแต่ละวันให้เหมาะสมตามวัย

“อย่างที่บอกว่าพอเราอายุก้าวเข้าสู่วัย 50 มีหลายอย่างที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิวพรรณภายนอก ภูมิคุ้มกันลดลง ระบบย่อยอาหารที่เริ่มมีการเผาผลาญได้ไม่ดี มวลกระดูกที่ลดลงจากการที่ร่างกายผลิตฮอรโมนได้น้อยลง การเลือกกินวิตามินรวม และแคลเซียม สำหรับเราจึงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากในการช่วยให้เราได้ดูแลตัวเองในส่วนที่เราดูแลเองไม่พอ และป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพที่จะตามมา”

ปัจจุบันเพจ ‘แต่งให้สวย Style 50+’ ที่หน่อยตั้งใจเปิดให้เป็นพื้นที่สำหรับสร้างแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ วัยเดียวกัน กล้าที่จะลุกขึ้นมาแต่งตัว และเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น มีคนติดตามมากกว่า 100,000 คน และยกให้เธอเป็นแฟชั่นไอดอลด้านการแต่งตัวแบบไม่แคร์วัยมากว่า 6 ปี

สิ่งสำคัญที่หน่อยต้องการสื่อสารมากที่สุดและเป็นหนึ่งในเคล็ดลับของเธอคือ ‘เชื่อมั่นในตนเอง’ หน่อยบอกว่า มีสาวๆ หลายคนที่ติดตามเธอ เห็นเธอเป็นไอดอล แต่ในชีวิตจริงไม่กล้าที่จะออกมาจากคอมฟอร์ทโซนเพราะขาดความมั่นใจ เคล็ดลับที่เธออยากจะฝากไว้ก็คือ

“ความมั่นใจเกิดจากความเชื่อมั่นในตนเอง จงแคร์สายตาคนอื่นให้น้อยลงแล้วเชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้”

Credits

Author

  • มนุษย์ต่างวัย

    Authorพื้นที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสังคมสูงวัยในมุมที่สนุก สร้างสรรค์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทุกวัย

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ