ร้านกาแฟแห่งนี้คงเป็นเหมือนภาพฝันหลังเกษียณของใครหลายคน ที่อยากมีสวนครัวอยู่ข้าง ๆ ร้านกาแฟหรือร้านอาหารเล็ก ๆ เพื่อเติมเต็มช่วงชีวิตหลังเกษียณให้สุขใจ เช่นเดียวกับ หนึ่ง – สุรางคนา ไม้ตราวัฒนา 47 ปี เจ้าของร้าน LAMAI Garden Craft Cafe ร้านคาเฟ่ในสวนย่านลำลูกกา ที่พร้อมให้ความเป็นกันเองกับลูกค้าทุกคนที่แวะเวียนมา บรรยากาศของร้านมีความร่มรื่น มีสวนขนาดย่อมล้อมรอบตัวร้าน มีพื้นที่ให้ลูกค้าได้มานั่งเล่นกินอาหารอร่อย ๆ จากฝีมือเธอและแม่ ที่สำคัญคือเธอจะพกรอยยิ้มติดตัวไว้คอยทายทักลูกค้าทุกคนเสมอ ทำให้ลูกค้าหลายคนเลือกมาใช้ช่วงเวลาวันหยุดที่นี่ คาเฟ่ในสวนแห่งนี้จึงเป็นเหมือนพื้นที่พักกายพักใจของใครหลาย ๆ คน
แต่กว่าที่หนึ่งจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตั้งใจ เธอมีวิธีคิดและลงมือทำอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ
ก่อนจะออกมาทำร้านทำอาชีพอะไรมาก่อนหน้า
“เราทำงานที่สำนักทรัพย์สินพระมหากษัติรย์ เป็นหัวหน้าแผนกงานผู้แทนพิเศษ 2 ทำเกี่ยวกับโครงการหลวง ลงพื้นที่พัฒนาชุมชน สอนชาวบ้านทำวิถีเกษตร ก็ใช้ชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือนปกติ แต่มีความตั้งใจจะเกษียณตัวเองตอน 40 เลยเริ่มวางแผนเรื่องการออมเงินและแผนการใช้ชีวิตให้เหมาะกับตัวเองมาตั้งแต่นั้น”
ทำไมถึงตั้งใจเกษียณตัวเองตอน 40
“เราไม่อยากเกษียณ 60 แล้วไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ คือเราเห็นว่าคนวัยก่อนหน้าเราเขาเกษียณออกมาแแล้วชีวิตเขาไม่ได้ทำอะไรเลย มีแต่นับถอยหลังอย่างเดียว เลยทำให้เรารู้สึกว่าถ้าจะต้องเกษียณจริง ๆ เราอยากออกมาใช้ชีวิต
“ที่คิดแบบนั้นเพราะตั้งแต่เด็กเราเรียนแบบต่อเนื่องมาตลอด กระทั่งจบมหาลัยแล้วไปต่อปริญญาโท พูดได้ว่าเรียนติด ๆ กัน ไม่เคยได้หยุดเลย ชีวิตเร่งรีบมาตลอด พอจบเราก็ทำงานไม่มีช่วงเบรกพักเลย จนมานั่งคิดว่าคนเราเกิดมาทำงานจนตายมันก็ไม่ใช่ เลยเริ่มมองว่าร่างกายช่วง 40 น่าจะยังเป็นช่วงที่แข็งแรงอยู่ เลยอยากออกมาทำอะไรที่ชอบทำจริง ๆ ไม่ใช่แค่สิ่งที่สังคมบังคับให้ทำ หรือเป็นไปตามครรลองของสังคม
“พอเราคิดได้แบบนั้น ก็เริ่มเก็บเงินตั้งแต่เดือนแรกที่ทำงาน ตอนนั้นเงินเดือน 8000 เขามีให้ฝากประจำรายเดือนเราก็ฝาก จะเน้นวิธีเน้นฝากไปก่อนเหลือแค่ไหนใช้แค่นั้น ถ้าไม่มีก็ไม่ใช้ ถึงเงินเดือนน้อยยังไงก็ต้องเริ่มเก็บ อย่าคิดว่ามันน้อยแล้วไม่เก็บดีกว่า ถ้าคุณไม่เริ่มมันก็ไม่มี อะไรที่ไม่จำเป็นให้ลองตัดทิ้ง สำรวจตัวเองดูว่ามีเรื่องที่ต้องใช้จ่ายจริง ๆ กี่เรื่อง เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ส่วนอะไรที่มันเกินไปจากนี้หรือไม่จำเป็นไม่ต้องมีก็ได้
“วันสุดท้ายของการทำงานเราออกมาพร้อมเงินเก็บ 5 ล้านบาท จะมองว่าเยอะหรือน้อยก็คงจะขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของแต่ละคน แต่สำหรับเราเท่านี้คือเพียงพอ”
เพื่อน ๆ ในวัยเดียวกันแปลกใจไหมที่หนึ่งเริ่มออมเงิน
“แน่นอนว่าเพื่อนวัยเดียวกันจะมองว่าเราแปลก เพราะเพื่อน ๆ เขาจะใช้เงินไปกับการชอปปิงหรือเที่ยวแบบวัยรุ่นปกติทั่วไป แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาในการเข้าสังคม เพราะเราจะพูดคุยถึงเป้าหมายในชีวิตให้กันฟังอยู่เป็นประจำ ทำให้เพื่อน ๆ เริ่มเข้าใจ บางคนก็ลองเก็บตามเราบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
“แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อเราเลือกทางเดินชีวิตแบบนี้ ก็ต้องยอมทิ้งความสนุกสนาน ความบันเทิงต่าง ๆ นานา ไปบ้าง ขนาดช่วงแรก ๆ ที่เริ่มทำงานเก็บเงินเราก็ยังไม่เที่ยว จนกระทั่งหลายปีผ่านไปเงินฝากเริ่มมีดอกผล ถึงจะถอนดอกเบี้ยที่ได้มาใช้เที่ยวตอนสิ้นปี เที่ยวในประเทศบ้าง ต่างประเทศบ้าง แต่ต้องไม่ให้กระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เราอาจจะไม่ได้เที่ยวบ่อยตั้งแต่วัยรุ่น แต่การเที่ยวคนละช่วงอายุก็สนุกคนละแบบ” (ยิ้ม)
มีวิธีจัดสรรรายได้แต่ละเดือนอย่างไรให้มีเงินเก็บ
“เราจะแยกบัญชีเป็นส่วน ๆ บัญชีไหนเอาไว้ใช้ บัญชีไหนเก็บ บัญชีไหนสำหรับฉุกเฉิน ตอนนั้นเราแบ่งคร่าว ๆ เป็นสามส่วน เก็บแบบไม่ถอนเลยประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน ส่วนที่สองประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เก็บเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน ฉุกเฉินที่แปลว่าใช้ได้แต่ไม่ได้ใช้ทุกวันนะ ถ้าป่วยก็เอาส่วนนี้ออกมาใช้ บันเทิงใจก็อยู่ในส่วนนี้ ถ้าอยากไปเที่ยวก็ดึงส่วนนี้ออกมาใช้ได้แต่ไม่ใช่ทุกวัน ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายคือเอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน
“ณ ตอนนั้น เราก็ไม่ได้ออมจนตัวเองต้องอึดอัด เพราะเลือกใช้วิธีการออมที่เข้ากับการใช้ชีวิตของเรา ยังเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ซื้อของที่อยากได้บ้าง แต่ทุกอย่างยังคงอยู่บนความพอดี เพราะเรารู้ว่าเป้าหมายในแต่ละวันดีว่า ถ้าจะเกษียณก่อน 60 ปี ความพร้อมทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
“อยากให้ทุกคนลองไปแบ่งสัดส่วนในแบบของตัวเอง สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามรายรับรายจ่ายของตัวเอง ลองปรับให้เข้ากับการใช้ชีวิตของเรา อีกอย่างคืออย่าปล่อยให้ค่าใช้จ่ายโตตามรายได้ อย่าเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองให้ใช้ในแบบที่เราเคยใช้ อย่างพี่ทำงานตั้งแต่เงินเดือนหลักพันจนถึงเงินเดือนหลักแสนก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ให้รางวัลตัวเองได้บ้างแต่ต้องรู้เป้าหมายอยู่ตลอด”
ออกแบบชีวิตหลังหลังเกษียณของตัวเองไว้ล่วงหน้าไหม
“ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าอยากทำอะไร แค่รู้สึกว่าขอทำในสิ่งที่เราเลือกเอง แต่เราจะทบทวนตัวเองทุกสิ้นปี จะเขียนความคิดออกมาก่อนว่าอยากออกมาทำอะไร ออกมาอยู่เฉย ๆ ออกมาทำงานอื่น หรือมาทำธุรกิจส่วนตัว มันก็มีหลายตัวเลือก แต่เราจะเขียนข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก แล้วค่อย ๆ ใช้เวลา ไม่ได้ด่วนตัดสินใจ เพราะบางทีถ้าเราตัดสินใจด้วยความรีบมันอาจจะไม่ใช่ความต้องการของเราจริง ๆ”
แสดงว่าการทบทวนความต้องการของตัวเองก็สำคัญไม่แพ้การวางแผนด้านการเงิน
“ใช่ เราถึงบอกว่า ช่วงก่อนออกให้เขียนมาก่อนว่าอยากทำอะไรบ้างหรืออยากทำอะไรที่สุด แล้วค่อยใช้อารมณ์ที่นิ่งที่สุดในการตัดสินใจ ถึงเวลานั้นเราจะรู้เองว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เราชอบที่สุด การจดบันทึกทุกวันก็ช่วยได้
“อย่าลืมเขียนข้อดีข้อเสียด้วยว่าถ้าเลือกสิ่งนี้ข้อดีคืออะไร ข้อเสียคืออะไร อย่ามองแต่ข้อดีให้มองข้อเสียด้วยว่าถ้าต้องอยู่ในจุดเลวร้ายที่สุด แย่ที่สุด เรารับได้หรือเปล่า และสำคัญที่สุดถ้าจะออกมาทำธุรกิจให้ไปคุยกับคนทำธุรกิจประเภทนั้นว่าเขาเจ๋งเพราะอะไร เพราะความล้มเหลวมันจะเป็นครูสอนเรา key to success เป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่ how to fail ก็เป็นสิ่งที่เราควรรู้และต้องรู้ให้เยอะที่สุดด้วยเหมือนกัน”·
ทำไมถึงตัดสินใจทำคาเฟ่ในสวน
“ถามว่า ณ ตอนนั้นกล้าตัดสินใจเลยมั้ยก็ยังไม่กล้า แค่มีทางเลือกในหัวว่าแผน a b c ของเราคืออะไร ออกมาทำสวน ออกมาเป็นภัณฑารักษ์ เป็นครูสอนหนังสือ หรือเปิดร้านชา ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะทำอาชีพใหม่ แต่ด้วยความที่คุณแม่กำลังจะเกษียณตอนอายุ 60 เขาอยากออกมาดูแลสวน เพราะเดิมที่ดินตรงนี้เป็นของคุณยายละมัย แม่เขาเลยอยากกลับมาดูแลพื้นที่ตรงนี้ เราเองก็เป็นห่วงว่าถ้าเขามาทำสวนคนเดียวบาดเจ็บขึ้นมาใครจะดูแล เลยบอกกับตัวเองว่าคงถึงเวลาที่ต้องกลับมาดูแลครอบครัวก่อนที่จะสายไป เราไม่อยากมาเสียดายทีหลังด้วยเหมือนกัน
“จากนั้นเลยมานั่งคุยกันว่า ถ้าแม่จะเกษียณเราก็จะออกจากงาน พอหลาย ๆ อย่างเริ่มมีความพร้อมก็ได้ออกจริง ๆ ตอนอายุ 41-42 ไม่ได้หุนหันพลันแล่น ก็ค่อย ๆ ตัดสินใจมาตลอด ปีที่สิ้นสุดการทำงานของเราทั้งคู่เลยมาคิดและหาทางปรับพื้นที่ตรงนี้ทำเป็นคาเฟ่ในสวนโดยใช้ชื่อของคุณยาย”
ในวันที่ต้องเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง เจอความท้าทายอะไรบ้าง
“ทุกคนจะบอกว่าเราบ้า ไกลขนาดนี้ใครจะมา มาลงทุนทำไม เป็นไปไม่ได้หรอกที่พื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นสวน เพราะแถวนี้เขาทำนากันหมด ไหนจะยาฆ่าแมลง ไหนจะวิถีเกษตรที่มันต่างกัน การปลูกข้าวกับปลูกไม้ผลมันไม่เหมือนกัน สภาพดินก็ต่างกัน แต่เรารู้สึกว่าอยากลอง
“ตอนเริ่มทำเราคิดแค่ว่า ทำยังไงให้สวนนี้เลี้ยงตัวเองได้ ถ้าจะให้มีคนมาก็ต้องมีอาหารเลยเริ่มทำอาหารเครื่องดื่ม ทีละเล็กทีละน้อย หลัก ๆ จะเน้นขายอาหารออร์แกนิก เน้นทำเอง ที่สำคัญคือการตกแต่งให้สวยงาม เพราะเราตั้งใจให้อาหารขายตัวมันเองได้ ถ้าลูกค้าชอบแล้วถ่ายรูปลง ก็เหมือนเป็นการช่วยเราโปรโมทไปในตัว แต่กินแล้วก็ต้องอร่อยด้วยนะ” (หัวเราะ)
แล้วคอนเซปต์ร้านที่วางไว้เป็นแบบไหน
“เรายึดว่าต้องการแชร์สวนให้ทุกคนได้มาใช้พื้นที่ เน้นใช้ผักผลไม้ปลอดสารพิษในสวนมาเสิร์ฟให้ลูกค้า อยากให้เขาได้เห็นแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ลูกค้าจะได้รู้สึกปลอดภัยและมีความสุขในการกินอาหาร แต่ละเมนูเราจะพิถีพิถันในการทำเป็นพิเศษ เพราะสำหรับเราอาหารก็เหมือนงานศิลปะ เลยสนุกที่ได้ออกแบบตกแต่งจานให้สวยงาม และช่วยเสริมให้คนกินมีความสุขทางใจ ถ้าลูกค้าสังเกตจะเห็นว่าในแต่ละวันอาจจะตกแต่งไม่เหมือนกัน นั่นก็เพราะเราตั้งใจตกแต่งทีละจานให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน เราเชื่อว่าทุกคนที่แวะมาที่ร้านของเราน่าจะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ ความใส่ใจที่เราหยิบยื่นให้ หลาย ๆ คนเลยกลับมาเป็นลูกค้าประจำ ที่เหมือนเพื่อนที่น้องแวะเวียนมาคุยกัน
“ถ้าได้มาที่ร้านเราอยากให้ลองเมนูเมี่ยงคำบัวทองหลาง เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านเราเลย น้ำจิ้มเมี่ยงจะเป็นสูตรโบราณของคนสวนแต่ก่อน มีความข้น ความหนืดกำลังดี รสชาติไม่เหมือนที่ไหน อีกเมนูที่เสียงตอบรับดีไม่แพ้กันคือการ์เดนสลัด เพราะสวนเราเด่นเรื่องดอกไม้กินได้กับผลไม้เป็นหลัก”
ระหว่างนั้นกังวลไหมว่า จะทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ
“ถามว่าตอนนั้นมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จมั้ย ก็ไม่ แต่ว่าเราเชื่อในสิ่งที่เราชอบ เราเชื่อในการค่อย ๆ ลงมือทำ อย่ากลัวในสิ่งที่ยาก ถ้าเกิดทำอะไรด้วยความตั้งใจ แม้มันจะยากแต่ผลสำเร็จมันจะคุ้มค่าเสมอ ทุกวันนี้เวลาได้เห็นลูกค้ามาแล้วมีความสุข มีรอยยิ้ม นั่นคือความสำเร็จของร้านนี้แล้ว
“พอเขาประทับใจก็จะเริ่มบอกกันแบบปากต่อปาก เริ่มมีลูกค้าใหม่ ลูกค้าประจำ ธุรกิจก็จะเริ่มเข้าที่เข้าทาง เลยอยากฝากถึงคนที่จะเริ่มทำธุรกิจหลังเกษียณว่าไม่ต้องกลัว ถ้าเราตั้งใจทำให้ดี มีคอนเซปท์ชัดเจน มันจะดึงดูดคนที่ชอบในสิ่งเดียวกันเข้ามาหาเอง
“เหมือนอย่างที่เราตั้งใจว่า อยากเปิดกว้างให้ทุกคนได้เข้ามาใช้พื้นที่ในสวน นั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือใครจะมานั่งทิ้งเวลาจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้ว ในวันที่อยากหนีจากความวุ่นวายในเมืองเราก็ยินดีต้อนรับ เลยกลายเป็นว่าทุกวันนี้ร้านของเราเป็นคอมมูนิตี้น่ารัก ๆ ที่มีลูกค้าหลายคนที่แวะเวียนมาแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบ มีเด็กมานั่งเล่น มีวัยรุ่นพาครอบครัวมากินข้าว ทุกคนได้มาใช้เวลาสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันในสวน เป็นภาพที่เรากับแม่เห็นแล้วชื่นใจมาก ๆ”
กลายเป็นว่าพื้นที่ตรงนี้สร้างความสุขให้กับแม่และเติมเต็มความฝันให้ตัวเอง
“ใช่ พอถึงวันนี้รู้สึกขอบคุณในความพยายาม ความมีวินัยของตัวเองเหมือนกันที่ทำให้เราได้ทำในสิ่งที่รัก ร้านนี้ทำให้เรากับแม่ได้ทำสิ่งที่ชอบด้วยกันและยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเราด้วย ถึงจะไม่ได้มากมายแต่ก็พอใช้ เป็นวิถีชีวิตเรียบง่ายที่ทำให้มีความสุข ทุกวันนี้ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากใช้ ตื่นเช้ามาอ่านหนังสือ รดน้ำต้นไม้ ดูแลสวน ไม่ต้องเร่งรีบในการใช้ชีวิตเหมือนแต่ก่อน มีเวลาในการคิดเมนู หรือค่อย ๆ ทำอาหารแบบละเมียดให้ลูกค้า เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเปิดร้านแค่วันศุกร์ถึงอาทิตย์
“พอได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ก็เพิ่งได้กลับมาคิดเหมือนกันว่าสิ่งนี้เคยเป็นภาพความฝันของเราตอนเด็ก ๆ เพราะร้านนี้ถูกปะติดปะต่อขึ้นมาจากสิ่งที่เราชอบ มันเลยค่อย ๆ เติมเต็มความฝันในวัยเด็กให้เราทีละเล็กทีละน้อย เราชอบต้นไม้ ชอบบรรยากาศร่มรื่นของสวน วันนี้เราได้มีสวนเป็นของตัวเอง เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือเลยจะเห็นว่ามีชั้นหนังสือและพื้นที่ให้ทุกคนได้มานั่งอ่านหนังสือกัน เราเป็นคนชอบวาดรูปตอนทำร้านก็วาดรูปตกแต่งผนังเองไว้สำหรับให้ลูกค้ามาถ่ายรูป
“แล้วจะเห็นว่าร้านเรามีชาร้อนขายด้วย เพราะตั้งแต่เด็กเวลาไปเที่ยวที่ไหนเราจะซื้อชาของแต่ละที่กลับมาชิมตลอด ตอนนั้นเคยฝันไว้ว่าอยากเปิดร้านชา พอได้ทำจริง ๆ แล้วมันมีความสุขมาก ยิ่งทุกวันนี้เมนูชาขายดีพอ ๆ กับกาแฟ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนฝันในวัยเด็กเป็นจริง 3 สิ่งนี้ทำให้เรามีความสุขเสมอ และวันนี้เรามีความสุขยิ่งกว่าที่สิ่งที่เราชอบสามารถสร้างความสุขให้คนอื่นได้ด้วย ถ้าคุณมีที่ดินเปล่าอยู่แต่นึกภาพไม่ออกว่าจะทำอะไร ให้ลองกลับมาดูความถนัดของตัวเอง อย่างเราชอบทำอาหาร ทำสวน เลยเลือกเริ่มจากตรงนี้ เพราะเชื่อว่าถ้าเริ่มจากสิ่งที่ชอบจะอยู่ได้นาน”
มองว่าการวางแผนเกษียณเร็วมีข้อดีอย่างไร ควรเริ่มต้นเมื่อไร
“ข้อดีคือคุณจะมีเวลาได้ทำตามความฝัน ได้เป็นตัวของตัวเอง ตอนเด็ก ๆ ทุกคนอาจจะมีฝัน ซึ่งความฝันคือความสุข แต่พอโตขึ้นเรามักจะลืมความฝันไปเพราะต้องทำหน้าที่อยู่ตลอด บางทีเกิดมาจนตายก็ยังไม่รู้ว่าเกิดมาทำอะไร มันขาดความอิ่มเอมในการใช้ชีวิต แต่พอได้กลับมาทำในสิ่งที่ชอบ ความฝันในวัยเด็กมันจะกลับมา แล้วทำให้เราได้เจอกับคำตอบของชีวิตว่าเราเกิดมาเพื่อทำอะไร
“ส่วนควรเริ่มเมื่อไหร่เราว่าเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าตอนนี้คุณจะอายุเท่าไหร่ก็เริ่มได้หมด ลองเริ่มจากตั้งเป้าหมายให้กับชีวิตแล้วค่อย ๆ วางแผน โดยที่แผนนั้นต้องพาเรามุ่งไปหาเป้าหมาย จะในระยะสั้นหรือยาวก็ได้ การเกษียณตัวเองก่อน 60 ทุกคนสามารถทำได้ ถ้ารู้จักวางแผนเรื่องการเงิน หน้าที่การงาน และกำหนดเป้าหมายชีวิตให้ชัด ถามว่าการมีวินัยเป็นเรื่องที่ยากไหม ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ไม่ได้ยากเกินหากจะลงมือทำเพื่อเป้าหมายของเราเอง
“สำคัญคือ เมื่อเราคิดแล้วว่าจะเกษียณตอนอายุเท่าไหร่ เราต้องรู้วิถีชีวิตที่เราจะใช้หลังจากนั้นว่าจะใช้จ่ายในแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้จัดสรรเงินออมให้เหมาะกับชีวิตและเพียงพอสำหรับไว้เลี้ยงดูตัวเองให้สามารถมีชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีความสุข”