“เรากับแม่เริ่มจากเที่ยวกันตามอัตภาพ กินวันละหลักร้อย ที่พักไม่ถึงพัน แต่ความชื่นใจคือเราได้พาแม่ขึ้นเครื่องบินเที่ยวได้เป็นครั้งแรก และหลังจากจบทริปนั้น แม่ก็มีเป้าหมายในชีวิตใหม่ คืออยากหันมาออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวกับลูกอีกหลาย ๆ ทริป ซึ่งเป็นคำพูดของแม่ที่ทำให้เราน้ำตาไหลเลย”
“อุ๊-ยุวรัตน์ สองศรี” วัย 40 ปี อดีตพนักงานประจำที่หมดเวลาในชีวิตไปกับการกิน เที่ยว และหาความมั่นคงเพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จเร็วที่สุด แต่ขณะที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ คุณอุ๊ในวัย 25 ปี ก็เริ่มคิดถึงการกลับมาใช้เวลาร่วมกันของคนในครอบครัว เธอจึงตัดสินใจชวน คุณแม่แป๋ว-ศกุนตลา สองศรี ออกไปเดินทางท่องเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าจะขึ้นเหนือ ล่องใต้ เที่ยวในประเทศ ไปจนถึงเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก
“ในตอนแรกบ้านเราทำธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แต่มาล้มละลายช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง แม่ก็ต้องออกมาปูเสื่อขายของตามตลาดนัด ส่วนเราก็ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยเอกชนแล้วมาเรียนมหาวิทยาลัยเปิดแทนเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย เรากับแม่สู้ด้วยกันมาตลอด ทำหมดทุกอย่างทั้งขายขนมปัง เฉาก๊วย รับรองเท้ามาขายก็ทำ ตอนนั้นเหมือนชีวิตมุมอื่น ๆ ของเรากับแม่หายไปเลยเพราะมัวแต่คิดว่าจะหาเงินยังไง
“เราเคี่ยวเข็ญตัวเองจนเรียนจบในเวลา 3 ปี แล้วทำงานทันที มีโอกาสขึ้นเครื่องบินครั้งแรกตอนทำงาน โลกเราเลยเริ่มกว้างขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น ทำให้เราอยากพาแม่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกให้ได้ เพราะเวลาเราเจออะไรดี ๆ หรือเจอสถานที่สวย ๆ เราก็อยากให้แม่ได้เห็นไปด้วยกัน หลังจากทำงานไปสักพักเราก็เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งแล้วก็ชวนแม่นั่งเครื่องบินไปเชียงใหม่ด้วยกัน ซึ่งเป็นทริปแรกของเราอย่างแท้จริงหลังจากพวกเราตรากตรำทำงานกันมาอย่างหนัก
“ช่วงนั้นเงินเดือนเราก็ยังไม่ได้มากมายอะไร รถส่วนตัวก็ไม่มี แต่เราอยากกลับมาใช้เวลากับแม่ อยากพาแม่ไปตอนที่เขายังมีแรง ตอนแรกคะยั้นคะยอแค่ไหนแม่ก็ไม่ไป เพราะแม่บอกว่าถ้าต้องหยุดขายของก็จะไม่มีเงิน เราเลยต้องพยายามให้เขาเห็นข้อดีของการเดินทางไปด้วยกันให้ได้
“ตลอดทริปเรากับแม่ก็เที่ยวแบบไม่ได้ลำบากแต่ก็ไม่ได้หรูมาก เน้นกินอาหารท้องถิ่นริมทางง่าย ๆ จะไปไหนมาไหนก็โบกรถประจำทาง และเลือกที่พักแบบประหยัด เพราะความสุขของการเที่ยวมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวกสบาย แต่การได้ไปเปิดหูเปิดตาด้วยกันครั้งแรกต่างหาก ที่ทำให้ทริปนั้นน่าจดจำ”
หลังจบทริปแรกจากที่เอาแต่ขายของจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง คุณอุ๊เริ่มเห็นแม่แป๋วหันมากินอาหารที่มีประโยชน์และใช้เวลาว่างออกกำลังกายตอนอยู่บ้านมากขึ้น เมื่อถามว่าทำไมแม่ถึงหันมาดูแลตัวเองดีขนาดนี้ แม่แป๋วก็ตอบว่า “จะได้มีแรงเดินทางไกลไปกับลูกได้อีก”
“หลังจากที่เราพาแม่ไปเที่ยวบ่อยขึ้นเราพบว่าแม่ไม่ค่อยมีอารมณ์เศร้าหมองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เวลาเจอปัญหาอะไรในชีวิต เขาก็จะหัวเราะง่ายและยิ้มแย้มมากขึ้นจนเหมือนเป็นคนใหม่เลย อาจเพราะเขาได้ไปเห็นธรรมชาติกับสิ่งแปลกตาใหม่ ๆ จนเรื่องเศร้าในชีวิตของเขากลายเป็นเรื่องเล็กลง ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าแค่พักเรื่องงานลงชั่วคราวแล้วออกไปเที่ยวด้วยกัน จะช่วยฟื้นฟูความรู้สึกของเรากับแม่ได้มากขนาดนี้”
ปัจจุบันทั้งสองแม่ลูกได้เดินทางท่องเที่ยวด้วยกันมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ทริป คุณอุ๊จึงเปิดเพจ “พาแม่เที่ยว” เพื่อเอาไว้บอกเล่าเรื่องราวดี ๆ และเป็นแรงบันดาลใจให้ลูก ๆ หลาน ๆ หันมาใช้เวลากลับคนใกล้ชิดที่บ้านมากขึ้น แต่เรื่องราวที่เธอเล่าลงเพจกลับไปไกลยิ่งกว่านั้น เพราะตลอดเวลา 3 ปี ของการทำเพจ มีคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายส่งข้อความมาบอกว่า “ขอตามไปเที่ยวด้วยได้ไหม”
จากที่พาแม่เที่ยวแค่คนเดียว คุณอุ๊จึงเปิดทัวร์เพื่อพาบรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ คนอื่นที่ลูกไม่มีเวลาพาไปเที่ยวให้ไปออกทริปพร้อมกัน
“เราออกจากงานประจำมาดูแลทัวร์ด้วยตัวเอง เพราะเราเคยพาแม่ไปมีความสุขแบบไหนเราก็อยากพาคนอื่นไปมีความสุขแบบนั้นด้วย เรามองว่ามีผู้สูงอายุอีกมากที่ไม่ได้อยากอยู่บ้านเฉย ๆ แต่อาจเพราะร่างกายไม่แข็งแรงบวกกับไม่มีคนคอยขับรถให้ ทำให้พวกเขาออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านไม่ได้ ซึ่งเราเห็นความสำคัญตรงนี้เลยอยากเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้พวกเขากล้าออกจากบ้านมากขึ้น
“อย่างคุณยายคนหนึ่งอายุมากแล้วอยากมาเที่ยวกับเราแต่มาเองไม่ได้เพราะลูกอยู่ต่างประเทศ เราก็ส่งทีมงานไปรับถึงบ้าน และหลังจบทริปก็จะไปส่งถึงบ้านเช่นกัน จนคุณยายเขาไว้ใจเรามากเวลามีจัดทริปอีกเขาก็โทรมาบอกเราว่า ‘มารับได้เลย ยายเตรียมของแล้วนะ ยายรออยู่’ ซึ่งเป็นคำพูดที่ทำให้เรามีกำลังใจทำงานมาก หรือคุณยายอีกคนที่แมวเพิ่งตายไปแต่พอลูกหลานส่งมาเที่ยวกับเรา จากที่หน้าบึ้งในตอนแรกก็กลายเป็นคนยิ้มแย้มขึ้นหลังจากได้คุยกับเพื่อน ๆ ร่วมทัวร์ ทำให้เราเห็นว่างานตรงนี้มันช่วยทลายกำแพงความเหงาของผู้สูงอายุได้จริง ๆ
“ที่เราลุกขึ้นมาทำอย่างนี้ไม่ได้จะบอกว่าให้ลูกหลานทุกคนต้องพาพ่อแม่ไปเที่ยวแพง ๆ เพื่อให้ท่านมีความสุขเสมอไป เพราะทุกคนมีภาระที่ต่างกัน แต่อยากให้ทุกคนเห็นว่าสุขภาพของพ่อแม่คือเรื่องสำคัญ ถ้ามีเวลาว่างก็แค่พาท่านออกไปเดินสูดอากาศ กินข้าวร้านที่ไม่เคยกิน หรือทำให้ชีวิตท่านหลุดจากความจำเจบ้าง เพราะลึก ๆ แล้วไม่ว่าใครก็อยากใช้เวลาร่วมกับคนในครอบครัวทั้งนั้น แต่เราต้องแสดงให้เห็นว่าเราอยากใช้เวลาร่วมกับท่าน เพื่อทำให้ท่านเกิดไฟในชีวิตและอยากอยู่กับเราไปอีกนาน ๆ”