ป้าพร ผู้มีลูกสาวป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

ป้าพร อายุ 63 ปี ผู้มีลูกสาวป่วยเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกในระยะสุดท้าย

ลูกสาวเราเป็นมะเร็งที่หลังโพรงจมูกระยะสุดท้าย จำได้เลยว่าวันที่เขาเดินมาบอก เรานี่ทั้งตกใจแล้วก็เสียใจมาก เราไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนน้ำตาตกใน พูดจริงๆ เลยว่าถ้าเลือกได้ เราขอเป็นเองดีกว่า เราอยากเป็นแทนเขา ไม่อยากให้ลูกเจ็บ ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้น คงเพราะผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะ เราเลยใช้เวลาเสียใจอยู่ไม่กี่วัน คิดเสียว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่ก่อนจะรู้ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น เราขอสู้ให้ถึงที่สุดก่อน ตอนที่ลูกสาวไปให้คีโมครั้งแรก เขาบอกว่าเขาไม่อยากสู้ เขายอมตาย ให้เอาเขากลับมาตายที่บ้าน

เราบอกว่าถ้าสู้แล้วยอมแพ้ ทนไม่ไหวจริงๆ แม่ไม่ว่า แต่มวยมันมีตั้งหลายยกนี่ ยังไม่ทันขึ้นเวทีเลย จะถอดใจยอมแพ้ง่ายๆ แล้วเหรอ

เราพยายามกระตุ้นเขา ไม่ให้เขาถอดใจ เราว่าการต่อสู้กับโรคอะไรก็แล้วแต่ ถ้าใจเราไม่สู้ โรคมันจะยิ่งเล่นงานเราหนัก แต่ถ้าจิตใจเราเข้มแข็ง อย่างมากมันก็ทำร้ายเราได้แค่ร่างกาย สุดท้ายถึงเราตายมันก็ไม่ได้ชนะเราหรอก มันก็ตายไปพร้อมกันกับเรานั่นแหละ

ทุกวันนี้ทุกคนในครอบครัวสู้ด้วยกันหมด 

ลูกสาวคนโตสู้กับโรค ลูกชายคนเล็กสู้กับการหาเงินเข้าบ้าน ส่วนเรากับสามีมีหน้าที่คอยดูแลลูกสาวอยู่ใกล้ๆ ทำทุกอย่างให้เขา ตั้งแต่พามาโรงพยาบาล ทำอาหาร ซักผ้า เตรียมยา ดูใบนัด แล้วก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ถ้าลูกชายเขาให้เงินก้อนมา เราต้องมาวางแผนว่าเงินส่วนไหนจะต้องใช้ในการรักษา ส่วนไหนต้องใช้จ่ายภายในครอบครัว ส่วนไหนที่ต้องกันไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน แล้วมีอะไรที่เราพอจะช่วยแบ่งเบาภาระได้ เราก็ต้องช่วยเขา ถ้าวันไหนไม่ไปโรงพยาบาล มีเวลาว่าง เราก็จะทำขนมขายหารายได้ช่วยลูกชายอีกแรง หรือเวลาทำกับข้าวเราก็จะเอาผักที่ปลูกไว้มาทำจะได้ประหยัด

ถามว่าเหนื่อยไหมที่แก่แล้ว แทนที่เราจะได้พึ่งลูก แต่กลายเป็นว่าลูกต้องมาพึ่งเรา 

ตอบได้เลยว่าไม่เหนื่อย เราไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เราคิดแค่ว่าเราทำในสิ่งที่เป็นอยู่สู้ให้ดีที่สุด แค่นั้นพอ ถ้ามาคิดว่าชีวิตเราควรจะต้องเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ มันจะเหนื่อย แล้วการที่เราทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจแบบนี้มันก็ส่งผลให้ลูกสาวเรามีอาการดีขึ้นเยอะ ตอนนี้เขามีกำลังใจในการต่อสู้มากขึ้น ยิ้มได้ ไม่ยอมแพ้ ร่างกายก็ไม่ทรุด จนหมอที่รักษาและเพื่อนๆ ที่เป็นผู้ป่วยบอกว่าไม่เห็นเหมือนกับคนที่เป็นมะเร็งเลย

ตอนนี้เราแค่ทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด เชื่อว่าสุดท้ายลูกเราต้องหายดีแน่ๆ เราไม่ได้พูดปลอบใจตัวเองนะ แต่พูดจากความรู้สึกจริงๆ เลย เมื่อวันนั้นมาถึงเดี๋ยวลูกเราเขาก็กลับมาทำหน้าที่ลูก มาดูแลเราเอง

มันจะเป็นวันที่ครอบครัวเรา เอาชนะมะเร็งไปด้วยกัน

ป้าพร ป้อมแสง หญิงวัย 63 ปีแห่งบ้านไร่อ้อย อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ 

ผู้มีลูกสาวป่วยเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกในระยะสุดท้าย

Credits

Author

  • มนุษย์ต่างวัย

    Authorพื้นที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสังคมสูงวัยในมุมที่สนุก สร้างสรรค์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทุกวัย

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ