‘ยกทรงสุขศรี’ ร้านชุดชั้นในที่ ‘ถูกอก’ และถูกใจลูกค้ามานานถึง 60 ปี

บริเวณปากซอยอินทามระ 17 ย่านสุทธิสาร เป็นที่ตั้งของร้าน ‘ยกทรงสุขศรี’ ร้านขายชุดชั้นในที่ต่างจากแผนกชุดชั้นในสตรีตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป เพราะลูกค้าที่จะได้ของจากร้านนี้กลับไปจะต้องมาวัดตัว สั่งตัด และรออย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ กว่าจะได้ยกทรงสักตัวหรือชุดชั้นในสักชุด

“ร้านของเราเน้นคุณภาพของสินค้ามากกว่าการขายที่เน้นปริมาณ ไม่เหมือนร้านขายชุดชั้นในสำเร็จรูปอื่นๆ หากเป็นร้านทั่วไปจะมีชุดชั้นในตามขนาดต่างๆ เช่น คัพ A B C D หรือไซซ์ S M L XL มาให้เลือก ซึ่งขนาดหน้าอกและสัดส่วนของลูกค้าใกล้เคียงกับไซซ์ไหนก็ซื้อกันมา แต่ถามว่ามันใช่และเหมาะสมกับเต้านมและสรีระของลูกค้าแต่ละคนจริงๆ ไหม คำตอบคือ มันอาจจะตอบโจทย์ได้แค่ประมาณหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

“สำหรับเรา ชุดชั้นในควรเป็นของเฉพาะตัวที่ผลิตขึ้นมาเพื่อสัดส่วนของคนนั้นคนเดียว” คุณป้าสุขศรี ใจเอื้อ เจ้าของร้านวัย 76 ปี บอกเล่าถึงเหตุผลในการผลิตยกทรงที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ส่วนใหญ่

หากจะว่ากันถึงจุดเริ่มต้นของร้านนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 60 กว่าปีก่อน เรื่องราวเริ่มจากเด็กสาวคนหนึ่งที่รู้สึกว่า ถึงจะมีเสื้อชั้นในให้เลือกซื้อ

แต่ไม่มีตัวไหนที่ ‘ถูกอก’ ถูกใจเธอเลย

จากปัญหาหนักอก สู่ธุรกิจแฮนด์เมดขนานแท้

คุณป้าสุขศรีเป็นคนอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เธอเติบโตมาในครอบครัวฐานะปานกลางที่พ่อแม่ประกอบอาชีพค้าขายทั่วไป เด็กหญิงสุขศรีเป็นคนรักการเรียน โดยเฉพาะเรื่องเย็บปักถักร้อยและตัดเย็บเสื้อผ้าที่ชอบเป็นพิเศษ

เมื่อเข้าวัยรุ่น คุณป้าสุขศรีที่เป็นสาวเอวบางเพียง 24 นิ้ว ต้องเจอกับปัญหาหนึ่ง นั่นคือขนาดหน้าอก

“เราเป็นคนตัวเล็กแต่มีหน้าอก ทำให้มีปัญหามากในการหายกทรงที่เหมาะสมกับตัวเอง พอหายกทรงที่เหมาะไม่ได้ก็จะมีปัญหามาถึงเสื้อด้านนอกหรือเสื้อปกติด้วย เพราะคนเราทุกคนถ้าได้ใส่ชุดชั้นในที่เหมาะสม พอใส่เสื้อด้านนอกแล้วก็จะดูสวย แต่ถ้าชุดชั้นในที่ใส่มันไม่ใช่ ต่อให้เสื้อด้านนอกสวยขนาดไหน ใส่แล้วก็ดูไม่ดี”

เมื่อเจอปัญหาเข้ากับตัว สาวน้อยชาวแปดริ้วจึงเห็นถึงความสำคัญของยกทรง และตัดสินใจเลือกเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า โดยเน้นที่การเรียนตัดชุดชั้นในเป็นพิเศษ เพื่อจะได้ตัดยกทรงไว้ใส่เอง จนในที่สุดเธอก็ทำได้ตามตั้งใจ

“หลังจากทำยกทรงให้ตัวเองสำเร็จ พอพวกเพื่อนๆ ญาติๆ รู้ เขาก็มาให้เราตัดให้บ้าง เราก็เลยเริ่มจากการทำให้คนใกล้ตัวได้ลองใส่ดูก่อน ปรากฏว่าผลตอบรับออกมาดีมาก ทุกคนชื่นชอบ บอกว่าใส่แล้วดี เหมาะกับสรีระ เขาเลยอยากให้ทำชุดชั้นในขายให้เป็นเรื่องเป็นราว เราเลยเปิดร้านขึ้นเป็นสาขาแรกที่อำเภอเมือง ใกล้ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดฉะเชิงเทรา”

ด้วยความที่เป็นงานแฮนด์เมด เน้นคุณภาพสินค้าเป็นหลัก ลูกค้าทุกคนจึงได้ชุดชั้นในที่ดีและเหมาะสมกับตัวเองจริงๆ กลับไป เพราะทุกตัวผ่านการออกแบบตัดเย็บขึ้นมาเพื่อลูกค้าคนนั้นๆ โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นที่มาของการสร้างความแตกต่างเวลาใส่เมื่อเทียบกับชุดชั้นในที่ลูกค้าเคยใช้มาก่อนหน้านี้

“ผู้หญิงแต่ละคนมีหน้าอกและสัดส่วนที่ไม่เหมือนกัน ผู้หญิง 100 คน ก็มีหน้าอกและสัดส่วน 100 แบบ บางคนอกห่าง บางคนอกไข่ดาว บางคนอกเยอะ บางคนเนื้อด้านข้างรักแร้เยอะปลิ้นออกมา บางคนอกใหญ่แต่ตัวเล็ก บางคนอกเล็กแต่ตัวใหญ่ แล้วที่เป็นธรรมชาติเลยก็คือเต้านมทั้งสองข้างของทุกคนจะมีขนาดไม่เท่ากัน จะมีความเหลื่อมกันอยู่เล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เราจึงทำยกทรงและชุดชั้นในขึ้นเป็นของส่วนตัวมากกว่าจะทำเป็นแบบสำเร็จรูปตามขนาดคัพ A B C D”

ต่อมาเริ่มมีการบอกกันปากต่อปากถึงร้านชุดชั้นในคุณภาพดีที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองฉะเชิงเทรา เสียงเล่าลือก็ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในจังหวัดเท่านั้น เพราะแม้แต่ลูกค้าจากกรุงเทพฯ ยังเดินทางมาตัดยกทรงถึงที่นี่

“หลังเปิดร้านได้พักใหญ่ ลูกค้าจากกรุงเทพฯ เริ่มมีมากขึ้น ลูกค้าก็บอกว่าให้ไปเปิดที่กรุงเทพฯ เถอะ เราก็เลยหาช่องทางมาเปิดอีกสาขาหนึ่งที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ 50 กว่าปีก่อน ตอนนั้นต้องนั่งรถไป-กลับระหว่างกรุงเทพฯ กับแปดริ้ว ช่วงนั้นมีลูกแล้วด้วย เราก็ต้องทั้งเดินทาง ทั้งดูแลร้าน ทั้งดูแลลูก เหนื่อยมาก จนสุดท้ายตัดสินใจย้ายร้านมาอยู่ที่กรุงเทพฯ สาขาเดียว แต่ยังใช้ชื่อร้านยกทรงสุขศรี แปดริ้ว อยู่หมือนเดิม”

นับจากวันที่เลือกเปิดร้านที่กรุงเทพฯ คุณป้าสุขศรีก็ไม่ได้ยึดอาชีพอื่นอีกเลย นอกจากผู้ผลิตชุดชั้นในคุณภาพดี

เบื้องหลังชุดชั้นในที่ทำให้ลูกค้าทั้งถูกอกและถูกใจ

แม้จะมีลูกค้ามาที่ร้านไม่ขาด แต่หากมีเวลาว่าง คุณป้าสุขศรีจะศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องที่ทำอยู่เสมอ

“เราต้องหาความรู้เพิ่มเติม เพราะกระบวนการผลิตยกทรงและชุดชั้นในมีรายละเอียดที่ซับซ้อนมากกว่าเสื้อผ้าทั่วไป ที่ผ่านมาเราไปดูงานและศึกษาหาความรู้ในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน หรืออีกหลายๆ ที่”

คุณป้าสุขศรีนำความรู้ที่ศึกษามาบวกเข้ากับประสบการณ์ ประกอบกับความเป็นคนใจเย็นและมีใจรักในการทำงาน จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าของร้านนี้ได้รับสินค้าที่เหมาะกับรูปร่างและความต้องการเสมอ

เบื้องหลังความแตกต่างของชุดชั้นในจากร้านนี้ คือขั้นตอนในการเลือกซื้อสำหรับลูกค้าและขั้นตอนการผลิตสำหรับช่าง โดยขั้นตอนเริ่มจากลูกค้าจะต้องมาที่ร้านเพื่อวัดรายละเอียดของสัดส่วนทั้งหมดที่ใช้ในการทำยกทรงหรือชุดชั้นใน จากนั้นทางร้านจะสอบถามความต้องการของลูกค้าอย่างละเอียด เพราะลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน บางคนอยากได้ยกทรงแบบเกาะอก บางคนอยากได้แบบบอดี้สูทเต็มตัวเพื่อกระชับสัดส่วน หรือบางคนอยากได้แผ่นสเตย์เก็บหน้าท้องและซัพพอร์ตหลัง ซึ่งทางร้านจะใช้ประสบการณ์ที่สะสมมาแนะนำลูกค้าให้ได้ชุดที่ตรงกับความต้องการและเหมาะกับรูปร่างได้ ทั้งยังมีแบบให้ลูกค้าได้ลองใส่ เพื่อดูความเหมาะสมเบื้องต้นอีกด้วย

เมื่อเลือกและลองแบบที่ต้องการแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกรายละเอียดต่างๆ อย่างเนื้อผ้า สี ตะ ขอ ซิป สายคล้องยกทรง และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ลูกค้าสามารถเลือกแบบได้ ลูกค้าที่มาร้านนี้สามารถเลือกได้ตั้งแต่ชุดชั้นในแบบโบราณจนถึงชุดชั้นในแนวแฟชั่นสมัยใหม่ โดยเมื่อได้รายละเอียดที่จำเป็นทุกอย่างแล้ว ทางร้านจะสร้างแพตเทิร์นตามสรีระของลูกค้าในกระดาษก่อน จากนั้นจึงนำแพตเทิร์นจากกระดาษมาลงบนเนื้อผ้าจริง และเข้าสู่กระบวนการตัดเย็บเป็นลำดับถัดไป

“ในกระบวนการตัดเย็บหรือการผลิตนี้ ชิ้นส่วนปลีกย่อยมีมากถึงกว่า 100 ชิ้น ทั้งผ้า เส้นเอ็น โครง ตะขอ สายแขน ผ้าซับใน ผ้ากุ๊นขอบ ฟองน้ำ และอีกมาก รวมถึงวิธีการเย็บต่างๆ ที่มีรายละเอียดการเย็บหลายแบบ ทั้งการเย็บกุ๊น เย็บเข้าทรงต่างๆ เป็นต้น ด้วยความที่มีรายละเอียดมากและเป็นงานแฮนด์เมดทุกขั้นตอน ทำให้การผลิตยกทรงหรือชุดชั้นในสักชุดต้องใช้เวลาหลายวัน

“การจะสร้างช่างทำยกทรงและชุดชั้นในที่มีฝีมือขึ้นมาสักคนไม่ได้ใช้เวลาแค่ 1-2 วัน แต่ใช้เวลาเป็นปี เนื่องจากต้องฝึกทักษะใหม่หมด บางคนเย็บเสื้อนอก เสื้อยืดเก่งมาก แต่พอมาเจอการเย็บชุดชั้นในแบบของเราแล้วถึงกับไปไม่เป็นเลยก็มี เพราะทักษะมันคนละอย่างกัน เลยส่งผลให้ค่าแรงของช่างฝีมือเหล่านี้ค่อนข้างสูง”

ด้วยกระบวนการผลิตที่ละเอียดอ่อน ทำให้กว่าจะได้ยกทรงและชุดชั้นในแบบที่ต้องการลูกค้าอาจต้องรอ 1-2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย ยิ่งช่วงที่มีลูกค้าจำนวนมาก ก็อาจเพิ่มเป็น 2-3 เดือน ส่วนราคานั้นเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับสรีระและแบบที่เลือก

“ตลอดเวลาร่วม 60 ปีที่ผ่านมา เราค้นพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ยินดีที่จะรอ เนื่องจากยกทรงและชุดชั้นในของเราตัวหนึ่งไม่ได้ใช้งานได้แค่ 2-3 เดือน ระยะเวลาการใช้งานจะขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาชุดชั้นในของแต่ละบุคคลด้วย ลูกค้าบางคนตัดแล้วใช้ได้ 10 ปี ทำให้หากหารเฉลี่ยราคาต่อการใช้งานเป็นรายวันก็จะตกวันละไม่กี่บาท จึงคุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับลูกค้า”

ลูกค้าร้านยกทรงสุขศรีมีตั้งแต่เด็กหญิงที่เพิ่งเข้าวัยรุ่น ซึ่งพ่อแม่อยากให้ยกทรงตัวแรกของลูกสาวเป็นของที่พิเศษและเหมาะสมกับรูปร่างจริงๆ ไปจนถึงคุณยายวัย 90 กว่าปีที่เป็นลูกค้ามานาน แม้จะเดินทางมาที่ร้านเองไม่สะดวกแล้วก็ยังให้หลานช่วยเอาแบบที่เคยตัดมาให้ทางร้านตัดเพิ่มให้ใหม่ ยังไม่นับคนมีชื่อเสียงในหลากหลายวงการ ทั้งแวดวงบันเทิงหรือธุรกิจต่างๆ

แม้จะใช้เวลาในการผลิตนานกว่าการไปหาซื้อชุดชั้นในสำเร็จรูป แต่ร้านยกทรงสุขศรีก็ยังคงเปิดกิจการมาได้จนถึง 60 ปี

ที่สำคัญ ไม่เพียงแต่อยู่ได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการอยู่ได้ด้วยการยอมรับจากลูกค้าทุกวัย

เพราะการแก้ปัญหาของลูกค้าคือหน้าที่ของเรา

วัยที่แตกต่างคือความหลากหลายอย่างหนึ่งของลูกค้าร้านนี้ แต่ความหลากหลายอีกด้านที่ทำให้ร้านยกทรงสุขศรีเป็นมากกว่าร้านขายชุดชั้นในทั่วไปก็คือเรื่องของความต้องการเฉพาะบุคคล การออกแบบและให้คำแนะนำจึงเป็นเหมือนการช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าด้วย เพราะคุณป้าสุขศรีถือว่าเมื่อลูกค้ามีปัญหาและสรีระแตกต่างกัน จึงเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของร้านที่ต้องหาทางช่วยแก้ไข เพื่อให้ลูกค้าผ่านปัญหานั้นไปได้อย่างราบรื่นที่สุด

สำหรับลูกค้าที่มีหน้าอกใหญ่จนเคยคิดศัลยกรรมเพื่อตัดเต้านมบางส่วนออก ร้านยกทรงแห่งนี้ก็สามารถออกแบบตัดเย็บชุดชั้นในที่ช่วยเก็บเต้านมให้กระชับ ใส่แล้วหน้าอกดูสวย เข้าทรง โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

หรือลูกค้าที่เป็นทอม แทนที่จะใช้ผ้ารัดหน้าอกไว้แน่น ซึ่งเป็นวิธีที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ร้านยกทรงสุขศรีก็ช่วยได้ด้วยการทำเป็นแผ่นสำหรับเก็บกระชับหน้าอก ใช้แล้วหน้าอกไม่กระเพื่อม และไม่บีบรัดเต้านมจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพ

กระทั่งผู้ชายหลายคนก็ยังเป็นลูกค้าของร้านนี้ เพราะเวลาใส่สูทหรือชุดที่ต้องการเน้นรูปร่างให้ดี การใส่แผ่นสเตย์กระชับหน้าท้องก็สามารถช่วยให้ผู้ชายดูรูปร่างดีขึ้นได้เช่นกัน ไม่ต่างกับสาวๆ ที่ใส่สเตย์เพื่อให้ดูมีสัดส่วนน่ามอง

มากไปกว่านั้น ร้านนี้ยังเป็นร้านที่คุณหมอหลายคนแนะนำให้คนไข้มะเร็งเต้านมมาที่นี่อีกด้วย

“ในกรณีของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านมที่เขาต้องตัดเต้านมไปบางส่วน หรือบางคนอาจต้องตัดไปทั้งเต้า เราก็หาวิธีผลิตเต้านมเทียมเพื่อเสริมเข้าไปในยกทรงให้พอดีและใกล้เคียงกับเต้านมส่วนที่ถูกตัดไปให้มากที่สุด โดยจะทำเต้านมเทียมให้มีน้ำหนักสมดุลกันกับข้างที่เหลืออยู่ รวมถึงเลือกใช้วัสดุที่นุ่มนวล ระบายอากาศได้ดี เพื่อที่ลูกค้าใส่แล้วจะได้ไม่รู้สึกถูกกดทับ และสามารถถอดซักทำความสะอาดได้ ทำให้สามารถใช้งานได้นาน”

ความพิถีพิถันในการผลิตยกทรงเพื่อผู้ป่วยทำให้ทางโรงพยาบาลรามาธิบดีเคยเชิญคุณป้าสุขศรีไปเป็นวิทยากรให้ความรู้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมว่าควรใช้ยกทรงแบบไหน ลักษณะใด หลังจากการผ่าตัด

นอกจากนี้ร้านยกทรงสุขศรียังเป็นที่รู้จักของบรรดาเวดดิ้งสตูดิโอต่างๆ ที่รับสั่งตัดชุดเจ้าสาว ร้านเหล่านี้มักจะมาสั่งตัดเกาะอกและชุดชั้นในจากที่นี่เป็นประจำ เพื่อให้ลูกค้าของพวกเขาได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในวันแต่งงาน

แฟนประจำที่เหนียวแน่นของร้านนี้ทำให้แม้แต่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 อย่างปัจจุบัน จำนวนลูกค้าไม่ได้ลดลง ตรงกันข้าม ลูกค้ากลับมาที่ร้านมากขึ้นด้วยซ้ำ จนบางคนอาจจะต้องรอของนานถึง 5-6 เดือน

เมื่อถามเจ้าของร้านวัย 76 ปี ถึงเหตุผลที่ทำให้ลูกค้ายังมีมากเหมือนเดิม คุณป้าสุขศรีบอกว่า นอกจากคุณภาพของสินค้าแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งน่าจะมาจากการบริการลูกค้าอย่างจริงใจ

“สิ่งที่ทำให้ลูกค้ายังนึกถึงเราส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะยกทรงและชุดชั้นในที่มีคุณภาพของเรามีชิ้นเดียวในโลก เราทำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าผู้เป็นเจ้าของจริงๆ แม้แต่ยกทรงและชุดชั้นในแบรนด์ดังๆ ที่วางขายทั่วไปก็ยังตอบโจทย์ได้ไม่หมด

“อีกส่วนคงเป็นเพราะว่าเราบริการลูกค้าด้วยใจ เวลาที่ลูกค้าสั่งตัดยกทรงและชุดชั้นในของเราและใช้งานไปแล้ว หากสรีระลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป อ้วนขึ้นหรือผอมลง ลูกค้าก็สามารถเอามาให้ช่างตรวจดูก่อนว่าแก้ไขได้หรือไม่ หรือการที่ลูกค้าสั่งตัดชุดชั้นในใหม่ ทางเราจะทำชุดชั้นในออกมาหนึ่งตัวจากที่ลูกค้าสั่งตัดทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าได้ลองใส่ก่อน ถ้าลูกค้าใส่แล้วไม่พอดีหรือพบปัญหาใด ทางเรายินดีที่จะตัดตัวใหม่ให้เลย ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะเราต้องการให้ลูกค้าพึงพอใจที่สุด เวลาที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกค้าตอนใส่ชุดชั้นในที่เราทำขึ้นมา เราจะอิ่มใจมากๆ

“รอยยิ้มของลูกค้าทุกคนเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและไม่อยากหยุดทำงานเลย”

Credits

Authors

  • ปองธรรม สุทธิสาคร

    Author & Photographerเป็นคนเขียนหนังสือ ที่หลงใหลในวรรณกรรมน้อยกว่ากีฬา และภรรยาของตนเอง ยามว่างหากไม่ใช้เวลาไปกับการนั่งคุยกับคน ก็มักหมดเวลาไปกับการนั่งดูบาส ดูบอล และละครน้ำเน่า นักเขียนวัยหลักสี่คนนี้ยืนยันว่าตนเองคือนักอุทิศเวลาให้กับความขี้เกียจ เนื่องจากเขามีความเชื่อว่าชีวิตที่ดีต้องเป็นชีวิตที่ขี้เกียจได้

  • บริภัทร บุญสวัสดิ์

    Cameramanหลงใหลผลลัพท์ในรอยยิ้มหวานเจี๊ยบจริงใจที่ส่งคืนกลับมา :)

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ