อยู่บ้านเลี้ยงหลาน ทำสวนก๊อกๆ แก๊กๆ ดูทีวีทั้งวัน ไปวัด ปฏิบัติธรรม ร้องคาราโอเกะกับเพื่อน เต้นแอโรบิก ที่ลานคนเมือง ฝึกคณิตคิดเลขเด็ดทุกต้นเดือนกับกลางเดือน
นี่ใช่ไหม ไลฟ์สไตล์ที่มนุษย์วัยอื่นมอง “ผู้สูงวัย” แต่เดี๋ยวก่อนนนนน … ความเชื่อกับความจริงอาจไม่ใช่สิ่งเดียวกันนะจะบอกให้
“แกะดำทำธุรกิจ” บริษัทผู้ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ได้ทำการสำรวจไลฟ์สไตล์ “มนุษย์สูงวัยยุคใหม่” อายุระหว่าง 60-89 ปี ที่ยังมีไฟในการใช้ชีวิต
และนี่คือสิ่งที่ “แกะดำทำธุรกิจ” ค้นพบ
“ก่อนจะมาเล่นไตรกีฬา ผมปั่นจักรยาน 600 กิโลเมตร มาแล้ว 3 ครั้ง แล้วก็ว่ายน้ำไกลสุดคือ 4 กิโลเมตรแบบต่อเนื่อง”
ถ้าบอกว่านี่เป็นกิจกรรมของคนวัยหนุ่มสุดสตรองก็คงไม่น่าแปลกใจ แต่เราอยากจะบอกว่า ทุกกิจกรรมที่ว่ามานี้เป็นกีฬาสุดโปรดของชายวัยเกษียณ ที่เพิ่งมาเริ่มต้นทำในวัยหลัง 60 !!!
สมชาย จงนรังสิน อายุ 66 ปี หรือที่น้องๆ เรียกว่า “พี่เบน” น่าจะเป็นคนที่ค้นพบความสุขวัยเกษียณได้น่าตื่นเต้นที่สุดคนหนึ่ง พี่เบนคิดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคนทั่วไปที่ว่าวัยเกษียณคือ “จุดสิ้นสุด”ของชีวิต แต่สำหรับเขากลับมองว่า นี่คือวัยแห่ง “การเริ่มต้น” ที่จะได้ทำสิ่งแปลกใหม่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พี่เบนท้าเพื่อนๆ ให้ทดลองเล่นกีฬาของคนสตรอง ฟิตซ้อมจนวันนี้กลายเป็นนักไตรกีฬารุ่นใหญ่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายๆ คน
“ผมเล่นไตรกีฬาเพื่อที่จะบอกว่า คนอายุมากก็ยังสามารถทำได้ คนอายุน้อยยิ่งน่าจะทำได้ดีกว่า”
ทุกวันนี้ไม่เพียงแต่มีอิสระจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่พี่เบนยังมีชีวิตที่อิสระ เขาแทบไม่ต้องใส่นาฬิกา เพราะสามารถกำหนดตารางชีวิตเองได้ มีกิจวัตรประจำวันที่น่าอิจฉา ตื่นมาก็ขี่จักรยานไปโรงหนัง ดูหนังรอบเช้า ไม่ต้องไปเบียดกับใคร แถมยังได้ส่วนลดในราคาเพียงแค่ 60บาท พอบ่ายก็กินอาหารเที่ยง ในเวลาที่ร้านโล่งๆ เพราะไม่ต้องรีบกินรีบไปเหมือนสมัยที่ยังทำงานกินเงินเดือน
“ผมคิดตลอดว่า ผมหาเงินมาทั้งชีวิต ผมจะไปจ่ายให้โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวทำไม ผมสู้เอาเงินมาใช้ชีวิตแบบสบายๆ แทนที่จะเอาไปให้โรงพยาบาลไม่ดีกว่าเหรอ ตอนนี้ผมมีความสุขทุกวัน มีความสุขมาก ถ้าเราวางรากฐานของตัวเองดีๆ ก็จะทำให้มีความสุขมากในช่วงวัยเกษียณ”
หลังลูกๆ เติบโตและมีการงานมั่นคง แทนที่ “ปะป๊า” นรินทร์ บุญทวีกิจ อายุ 82 ปี กับ “มะม้า” กรองแก้ว บุญทวีกิจ (อายุ 75 ปี) จะหยุดพักผ่อนอยู่บ้านเหมือนผู้สูงวัยทั่วๆ ไป แต่ทั้งคู่กลับเลือกขับรถท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ โดยมีมะม้าเป็นพลขับ ขณะที่ปะป๊าเป็นบัดดี้คู่ใจ
“หลังเกษียณ เรามีเวลา เงินเราก็มีพร้อม ก็วางแผนเลย ไปต่างจังหวัด เหนือสุด ใต้สุด อีสานสุด ไปมาหมด ขับรถไปกันสองคนไปใต้ เริ่มต้นไปทางอ่าวไทย ขากลับกลับทางอันดามัน ไปกลับ 2 พันกว่ากิโลเมตร ไปถึงสตูลแล้วก็ข้ามไปเกาะลังกาวีมาเลเซีย รวม 10 จังหวัด สนุกมาก ก็ขับรถไปสองคน ม้าเป็นคนขับ ป๊าเป็นคนดูทาง คนนี้เป็นบัดดี้ที่ดี ไม่ขัดคอ มันถึงสนุก ระหว่างทางมีคนถามเรื่อย ทำไมมีคนแก่แค่สองคน เขานึกว่าลูกพามา แต่เรายังแข็งแรง คนที่เจอเขาชอบ บอกว่า โอ้ยน่ารักมากคู่นี้ ต้องเอาเป็นไอดอล เจอเพื่อนใหม่เยอะ คนไทยน่ารัก ไปพักที่ไหนก็ได้คุยกัน เราเดินทางเยอะ เราชอบที่ได้เจออะไรใหม่ๆ เพราะว่าเราอิสระแล้ว ลูกก็มีชีวิตอิสระของเขา เราก็มีอิสระของเรา จริงๆ ไม่ต้องไปคิดว่าตัวเองแก่ เราสู้ ยิ่งแก่ก็ยิ่งมีความสุข”
ตกหลุมรักการเดินเขาในวัยหลังเกษียณ
หลังเกษียณอายุและภรรยาเสียชีวิต “พี่ป้อม” ปัญญา ศรีสุพรรณ (อายุ 65 ปี) ก็เริ่มต้นทำสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่วัยหนุ่ม คือการท่องเที่ยวแบบแอดแวนแจอร์ เดินเขา และถ่ายรูป ที่สำคัญคือเขาไม่ได้มาเล่นๆ แต่เดินกันจริงๆ จังๆ เพียงแค่ 3 ปี เขาเดินป่ามาแล้วกว่า 70 ทริป ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“เริ่มต้น ผมเดินป่าทริปแรก มกราคม ปี 58 ตอนนั้นก็อายุ 62 ปี แต่ผมเดินป่า 3 ปีกว่าๆ เท่ากับบางคนเดินป่ามาทั้งชีวิต ไปเนปาลมา 2 ครั้ง เส้น ABC อันนาปุรณะเบสแคมป์ แล้วก็ไป EBC Everest base camp อินโดฯก็ไป รินจานี่ มาเลเซียก็คินนาบาลู ผมใช้เงินไปกับค่าทริปเดินป่า แล้วก็ซื้ออุปกรณ์เดินป่าเยอะมาก คิดว่าเป็นการซื้อความสุขให้ตัวเอง”
วันว่างจากการออกทริปเดินป่า เขาจะอัพรูปสวยๆ ลงเฟสบุ๊คที่มีเพื่อนอยู่นับพัน แถมส่วนใหญ่อายุยังเป็นกลุ่มรุ่นลูกรุ่นหลานอีกต่างหาก
“ผมเล่น fb ติดต่อกับเพื่อนกลุ่มจักรยานบ้าง กลุ่มวิ่งบ้าง เดินป่าบ้าง ก็จะติดต่อกันทาง fb (มีเพื่อนทาง fb) ก็เป็นพัน เพราะมันหลายกลุ่ม พอเราเที่ยวกลับมา เราก็เอารูปมาลง fb เรา พวกที่ไปเที่ยวด้วยกัน ที่รู้จักกัน ก็จะมาดู มาดึงเอารูปไป บางคนเขาบอกว่า คงเดินป่าได้แค่อายุ 40 แต่พอมาเจอผมเขาเปลี่ยน ความคิดเลย สมัยก่อนแทบไม่มีคนเกษียณอายุมาเดินป่า แต่ตอนนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาบอกว่า เขาเห็นผมเป็นตัวอย่าง”
ในวัยหนุ่ม “พี่ชัช” ชัชวาลย์ วิริยะไพบูลย์ (อายุ 68 ปี) ก็ใช้ชีวิตเหมือนคนหนุ่มส่วนใหญ่ สูบบุหรี่ สนุกสนานกับชีวิต กระทั่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน
“ผมมาเริ่มวิ่งเพราะอยากมีสุขภาพดี เรากำลังจะเข้าสู่วัยเกษียณ”
ใครจะรู้ว่า จากการเริ่มต้นวิ่งเพียงเพื่อรักษาสุขภาพจะกลายเป็นกิจกรรมสุดรักและเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
“ผมวิ่งมาตั้งแต่อายุ 50 แต่ว่ามาได้ถ้วยเป็นกอบเป็นกำเมื่อสองปีที่ผ่านมา สองปีมานี้ผมได้ถ้วย 50 กว่าใบ เมื่อปี 59 ช่วงกลางปี ผมวิ่งติดกันสามเดือน ผมได้สิบสองใบไม่มีเว้นเลยนะ โอ้ย นอนไม่หลับเลยฮะ ดีใจมาก ภูมิใจ ใจมันฮึกเหิม มันอยากจะได้ใบต่อๆ ไป”
กิจกรรมหลังวัยเกษียณของเขาตอนนี้คือการสมัครวิ่งตามรายการต่างๆ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน ถ้าใจอยากวิ่ง ก็จะเดินทางไป แม้จะต้องเสียค่าเดินทาง ค่าสมัคร ค่าน้ำมันรถ ค่าที่พัก แต่การเตรียมตัวที่ดีก่อนเกษียณ ทำให้ไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย เขาบอกว่า ชีวิตช่วงนี้เป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด
“วิ่งแล้วไม่ใช่ได้แค่เรื่องสุขภาพนะ แต่ยังได้เพื่อน ได้ความสุข แล้วก็ได้รู้สึกว่า ชีวิตมีคุณค่า”