‘ร้านป๋าทวี’ ร้านข้าวแกงเล็กๆ แต่หัวใจไม่เล็ก

‘ร้านป๋าทวี’ ร้านข้าวแกงขึ้นชื่อย่านพรานนก ที่มีอายุยาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งมี ขวัญ – ธงชัย ใจสมบุญ ทายาทรุ่นที่ 2 ของป๋าทวีและ ปู – มณฑาทิพย์ ใจสมบุญ ภรรยาที่รับหน้าที่ดูแลจัดการภายในร้าน ซึ่งลูกค้าขาประจำของร้านป๋าทวี นอกจากลูกค้าประจำที่อาศัยอยู่บริเวณแยกพรานนก ยังมีแพทย์ พยาบาล และบุคลากรในโรงพยาบาลศิริราชที่แวะเวียนมาอุดหนุนกันอยู่เสมอ จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ ‘ร้านป๋าทวี’ ส่งข้าวกล่องช่วยเหลือหมอ พยาบาลและบุคลากรในโรงพยาบาลศิริราช

“มีหมอกับพยาบาลเดินมาบอกเราว่า คงไม่ได้มากินที่ร้านอีก และไม่แน่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้มากินที่ร้าน เพราะสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นทำให้หมอและพยาบาลไม่สามารถออกมาจากโรงพยาบาลได้ เนื่องจากพวกเขามีความเสี่ยงเพราะต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วย เราได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนว่าเขามาลาเรา ตอนนั้นเราใจหายเลย เพราะหากหมอพยาบาลพูดแบบนี้แสดงว่าวิกฤตหนนี้รุนแรงมากจริงๆ เราเลยคิดว่าจะช่วยเหลือนักสู้ในชุดกาวน์ได้อย่างไรบ้าง เราเลยเลือกวิธีการส่งข้าวกล่องไปให้น่าจะดีที่สุด เพราะเราเปิดร้านอาหาร ถนัดการทำอาหาร อย่างน้อยให้หมอได้อิ่มท้อง ช่วยให้หมอ พยาบาล เหนื่อยน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

“ในช่วงโรคระบาดรุนแรง จนต้องปิดเมืองกรุงเทพฯ เราส่งข้าวกล่องไปให้โรงพยาบาลศิริราช 700 กล่องต่อวัน และมีการแจกข้าวกล่องฟรีหน้าร้านให้กับคนในพื้นที่พรานนก หรือใครก็ตามที่ต้องการอาหารในเวลาลำบากเช่นนี้ คิวต่อแถวรับอาหารยาวมากไปถึงสุดหัวถนน ในช่วงเริ่มต้นเราใช้เงินของเราเองจ่ายเองทั้งหมด แต่ภายหลังมีคนมาร่วมช่วยกับพวกเรา เป็นเงินบ้าง เป็นวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการทำอาหารบ้าง”

หลายคน ‘เหนื่อย’ กับวิกฤตครั้งนี้ แต่ทำไมร้านป๋าทวี ‘เหนื่อย’ แต่ยังไม่หยุดให้

“ตอนนี้ใครๆ ก็ลำบาก เราเองก็ไม่แพ้กันทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและแรงกาย แต่เราคิดว่าถ้าเราทำอาหารให้ หมอ พยาบาลและคนในพื้นที่ได้อิ่มท้อง ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ตอนนั้นครอบครัวและคนในร้านออกมาช่วยกันหมด กว่าเราจะได้กินข้าวเช้า ก็ปาเข้าไป 5 โมงเย็นทุกวัน จนน้ำหนักลดลงไปกว่า 10 กิโล ภายในเดือนเดียว แต่เราสู้เท่าที่จะเป็นไปได้ ถามว่าเหนื่อยหรือท้อไหม ทุกคนในประเทศคงตอบว่าเหนื่อยเหมือนกันหมด แต่คำถามที่สำคัญกว่าคือ ทำไมทุกคนยังไม่ยอมแพ้ต่างหาก เราเข้าใจว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนสู้ เป็นเพราะทุกคนเห็นการช่วยเหลือระหว่างกันในสังคม ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ คนที่พอมีกำลังมีทรัพย์ ก็ช่วยเหลือหรือให้ตามที่พอช่วยได้ โควิดมาอาจจะทำให้พวกเราเหนื่อยกายแต่เมื่อได้ให้ ได้ช่วยเหลือก็สบายหัวใจ เราคิดว่าเหนื่อยร่างกายพักผ่อนก็หาย แต่ถ้าเหนื่อยหัวใจไม่มีความสุขแน่ๆ

“ให้แล้วได้อะไร เราตอบเลยว่าไม่รู้ เพียงแต่เป็นความสุขใจเล็กๆ ที่เราได้ทำ แต่ถ้าถามในใจลึกๆ เราเชื่อนะว่าการให้แม้อาจจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แต่ก็มีพลังมากพอ เปรียบเหมือนการลากเส้นจากจุดเล็กๆ ลากต่อกันจนกลายเป็น เส้น เมื่อรวมกันมากพอ ก็กลายเป็นพลังและเป็นความหวังที่สามารถพาทุกคนฝ่าฟันวิกฤตที่ใหญ่มากๆ เช่นครั้งนี้ไปได้”

Credits

Author

  • มนุษย์ต่างวัย

    Authorพื้นที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสังคมสูงวัยในมุมที่สนุก สร้างสรรค์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทุกวัย

ถึงจะต่างวัยแต่ก็
อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ