“เราคบกับเพื่อนมา 10 ปี ช่วยเหลือกันมาตลอด มีอะไรคุยกันได้ทุกเรื่องเพราะสนิทกันมาก แต่มิตรภาพเกือบต้องมาแตกหัก เพราะเห็นต่างทางการเมือง
“เราเป็นคนหนึ่งที่เลือกใช้ช่องทางโซเชียลในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ตอนนั้นมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นบนพื้นที่ของเราเยอะมาก บางคนเข้ามาแสดงความไม่พอใจด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทของเราที่เข้ามาแสดงความเห็นต่างและพยายามจะเปลี่ยนความคิดเรา ตอนนั้นยอมรับเลยว่าเราไม่พอใจเพื่อนมากๆ ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาทะเลาะกับเพื่อนตัวเองจนต้องกดอันเฟรนด์ไป
“หลังจากนั้นเพื่อนคนอื่นๆ ที่คิดเห็นต่างกับเราก็เริ่มทยอยอันเฟรนด์เรา บางคนแชร์โพสต์เราไปต่อว่า ทำให้คนที่เห็นด้วยกับเราเข้าไปตอบโต้ บานปลายจนกลายเป็นต่างฝ่ายต่างใช้อารมณ์คุยกัน ความรู้สึกเราในตอนนั้นมันแย่มาก เพราะเพื่อนที่เคยอยู่ในชีวิตประจำวันหายไป
“สำหรับเราเพื่อนสำคัญมาก เราไม่อยากเสียใครไป เพราะเรารับไม่ได้แน่นอนหากต้องมาตัดขาดกับเพื่อนที่คบกันมาถึง 10 ปีทั้งในโลกโซเชียลและในโลกของความเป็นจริง
“หลังจากที่คิดทบทวน เราเลือกเดินเข้าไปเปิดใจคุยกับเพื่อนต่อหน้าด้วยเหตุผล ยอมเป็นฝ่ายขอโทษก่อนและอ่อนลง เพื่อไม่ให้ใครต้องอึดอัด จากนั้นเราเริ่มอธิบายถึงมุมมองของเราที่คิดต่างจากเพื่อนและเริ่มแชร์กัน เราทั้งสองต่างมองเห็นตรงกันว่า ขนาดตัวเราเองยังยึดมั่นในความคิดของตัวเอง ก็คงจะไปเปลี่ยนความคิดของใครให้มาคิดเหมือนเราไม่ได้
“เราทั้งคู่คุยกันว่า เรายังอยากที่จะคบกันต่อไป และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ต่อจากนี้เราต้องเคารพความคิดเห็นของกันและกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมืองกันภายใต้พื้นฐานของการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง หลีกเลี่ยงเรื่องเซนซิทีฟที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง”
นักศึกษา อายุ 23 ปี
มนุษย์ต่างวัยชวนคุยกับคนหลากหลาย ถึงมุมมองการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง