ปัจจุบัน TikTok นับเป็นช่องทางการสื่อสารอีกทางหนึ่งในโลกออนไลน์
รุงรัง Diary คือชื่อของ TikTok ช่องหนึ่งที่มียอดผู้ติดตามจำนวนมากถึง 1.1 ล้านคน สมาชิกของช่องประกอบด้วยสามพี่น้อง ได้แก่ นะโม – ชลิพา ดุลยากร พี่สาวคนโตวัย 27 ปี นะมามิ – ชะตา ดุลยากร น้องสาวคนกลางวัย 25 ปี และสาธุ ดุลยากร น้องชายคนสุดท้องวัย 23 ปี
อย่างไรก็ตามหากเปรียบ รุงรัง Diary เป็นละครสักเรื่องหนึ่งนางเอกของเรื่องคงหนีไม่พ้นคุณย่าของพวกเขานั่นเอง
คุณย่าที่บรรดาแฟนคลับทั้งหลายยกให้เป็นกระต่ายสูงวัยในโลกของ TikTok
จุดเริ่มต้น ‘รุงรัง Diary’
“ช่อง TikTok ของเราเริ่มต้นจากการที่เราเป็นคนชอบดู TikTok อยู่แล้ว จนวันหนึ่งคิดจะถ่ายเอง แต่ก็ยังไม่รู้จะทำคอนเทนต์อะไรดี คิดไปคิดมาก็เลยถ่ายชีวิตประจำวันของตัวเองนี่แหละ ที่รุงรังวุ่นวายไปวันๆ สุดท้ายก็เลยตั้งชื่อช่องว่า รุงรัง Diary ”
นะโม – ชลิพา ดุลยากร เจ้าของและผู้ก่อตั้ง ‘รุงรัง Diary’ บอกเล่าถึงที่มาในการทำเนื้อหาช่อง TikTok ของตัวเอง สาวหน้าใสวัย 27 ยังเล่าต่ออีกว่าหลังจากทำ คอนเทนต์ไปได้ราว 6 เดือน ยอดผู้ติดตามของเธอก็ขยับไปที่ราวหมื่นกว่าคน ซึ่งนับได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
หลังจากถ่ายทำเรื่องราวของตัวเองไปสักพัก นะโมก็เริ่มชักชวนสาธุ ดุลยากร น้องชายคนสุดท้องของตัวเองมาร่วมวงทำ TikTok ด้วยกัน และการปรากฏตัวในโลก TikTok ของสาธุเพียงไม่นานก็ทำให้ยอดผู้ติดตามพุ่งสูงขึ้นไปถึง 8 เท่าตัว
“วันหนึ่งครึ้มใจเห็นน้องชายอาบน้ำนาน ก็เลยถ่ายน้องชาย ปรากฏว่าทุกคนชมว่าสาธุหล่อ น่ารัก จากนั้นก็เลยเริ่มขยับมาถ่ายคนอื่นๆ ในครอบครัว โดยนอกจากถ่ายสาธุแล้วก็มีนะมามิน้องสาวคนกลางเพิ่ม ขึ้น มาอีกคน ซึ่งหลังจากที่สาธุเข้ามายอดผู้ติดตามก็เพิ่มขึ้นเป็น 80,000 กว่าคน พอมีนะมามิเข้ามาอีก จากที่เคยเป็นเรื่องของเราแค่คนเดียวก็กลายเป็นความรุงรังของ 3 พี่น้อง”
แม้จะมียอดผู้ติดตามสูงขึ้นหลายเท่าตัว แต่ตัวเลขดังกล่าวก็หาได้หยุด อยู่ แค่นั้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ายอด ผู้ติดตาม ของรุงรัง Diary เพิ่มขึ้นจาก 80,000 เป็น 1.1 ล้านคน
หลังจากการเข้ามาของหญิงสูงวัยแค่คนเดียว
แจ้งเกิด ‘คุณย่ากระต่าย’
“วันหนึ่งไปทานข้าวกับคุณย่า แล้วคุณย่าบอกสาธุว่าทำไมไม่หล่อเลย คุณย่าบอก ว่า ไว้ผมหน้าม้า ดูยังไงก็ไม่หล่อ ต่างกันกับชาวเน็ตที่ชื่นชมว่า น้องเรารูปหล่อ ดูดี น่ารัก พอคุณย่าพูดแบบนี้เราก็เลยคว้าโทรศัพท์มือถือมาถ่ายไว้ ปรากฏว่าพอลง TikTok ไปปุ๊บคนไม่สนใจสาธุแล้ว กลายเป็นหันมาชอบคุณย่าแทน ชมว่าคุณย่าน่ารัก ชมว่าคุณย่าอารมณ์ดี บางคนก็บอกว่าคุณย่าดูวัยรุ่น ไม่แก่เลย”
คุณย่ากระต่าย – วิมล ดุลยากร มีชื่อเล่นจริงๆ ว่า ‘แอ๋ว’ แต่ในโลก TikTok จะเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘คุณย่ากระต่าย’ เนื่องจากถือกำเนิดในนักษัตรปีเถาะ รวมทั้งมีของสะสมเป็นกระต่ายมากมายเต็มไปหมด
นอกจากนี้ โรงเรียนบรรจงรัตน์ จังหวัดลพบุรี ที่คุณย่าเป็นเจ้าของก็มีสัญลักษณ์ประจำโรงเรียนเป็นรูปกระต่าย งานกีฬาสีของโรงเรียนก็มีชื่อว่า กระต่ายเกมส์ ถึงขนาดเคยมีคนตั้งคำถามให้ทายกันเล่นๆ ว่าโรงเรียนแห่งนี้มีกระต่ายอยู่ทั้งหมดกี่ตัว
หลังจากคลิปแรกที่คุณย่าบอกว่าหลานชายของตัวเองดูยังไงก็ไม่หล่อเผยแพร่ออกไปสู่โลกออนไลน์ ยอดไลก์ ยอดแชร์ ยอด ผู้ ติดตามก็ไหลมาเทมาไม่หยุดหย่อน จาก 80,000 ขยับเป็น 100,000 ก่อนจะเพิ่มเป็น 800,000 และ 1,000,000 ตามลำดับ จนกระทั่งมาหยุดที่ราว 1.1 ล้านคนในปัจจุบัน
เมื่อเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาแฟนคลับใน TikTok นะโมจึงเปลี่ยนแนวทางคอนเทนต์มาเป็นเรื่องราวการทำกิจกรรมของคุณย่าวัย 83 กับบรรดาหลานๆ วัย 20 กว่า ซึ่งทุกคอนเทนต์ล้วนแล้วแต่สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจให้แก่คนที่กดเข้ามาดู
“ปัจจุบันแทบทุกคอนเทนต์ก็จะกลายเป็นเรื่องของพวกเรากับคุณย่า มีทั้งพาคุณย่าไปเล่นเกม รีวิวกระต่ายของคุณย่า แอบเอาไอแพดของคุณย่าไปซ่อน บางทีก็ถ่ายตอนคุณย่าทำกับข้าวแล้วให้สาธุแกล้งคุณย่า เช่น คุณย่าให้หยิบน้ำปลา เราก็แกล้งหยิบเกลือหยิบน้ำตาลให้แทน หรือบางครั้งก็แกล้งทำอะไรที่คุณย่าไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นแกล้งใส่เสื้อแขนกุด หรือทำรอยสักปลอมขึ้นมา ให้คุณย่าบ่น ซึ่งพวกเรารวมทั้งบรรดาแฟนคลับก็จะสนุกชอบใจ”
ทุกวันนี้คุณย่ากระต่ายได้แย่งตำแหน่งดาว TikTok และพื้นที่ในสื่อโซเชียลจากบรรดาหลานๆ ทั้ง 3 คนไปจนหมดสิ้น จนช่องรุงรัง Diary แทบจะเป็นช่องของคุณย่าไปโดยปริยาย ซึ่งคุณย่าเองไม่เพียงแค่รู้ตัว หากแต่ยังกล่าวล้อเลียนหลานๆ พร้อมกับอมยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“ตอนนี้คุณย่ายึดช่องเรียบร้อยแล้วนะ”
เมื่อโลกดิจิทัลทำให้มนุษย์ต่างวัยเข้าใกล้กัน
ในมุมของผู้ก่อตั้ง รุงรัง Diary อย่างนะโม เธอไม่ได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสร้างเนื้อหาดีๆ และความสุขให้แก่ผู้คนเท่านั้น หากแต่ในอีกมิติหนึ่ง เธอยังใช้มันสร้างความรักความผูกพันระหว่างเธอกับคุณย่าให้เกิดความกลมเกลียวแน่นแฟ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อย่างน้อยที่สุดมุมมองที่มีต่อคุณย่าของหญิงสาววัย 27 ก็เปลี่ยนไปจากเดิมแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
“บ้านเรามีสมาชิกด้วยกันทั้งหมด 7 คน แบ่งเป็น 3 เจเนอเรชั่น ประกอบด้วย คุณปู่ คุณย่า แม่ อา และพวกเราสามพี่น้อง ก่อนหน้านั้นยอมรับว่าเราไม่ค่อยสนิทกับคุณย่าสักเท่าไหร่ เวลามีปัญหาอะไรก็จะคุยกับน้องๆ หรือปรึกษาแม่มากกว่าเพราะอายุยังไม่ได้ห่างกันมาก แต่กับคุณย่าเหมือนเราอยู่คนละโลกคนละยุคกันเลย
“ยิ่งคุณย่ามีอาชีพเป็นครูมาก่อน เราก็จะมองว่าคุณย่าเป็นคนเจ้าระเบียบ อยู่ในกรอบในกฎเกณฑ์ จะทำอะไรต้องเรียบร้อย อย่างทุกวันนี้ถึงไม่ได้เป็นครูแล้วแต่ก็ยังมีสถานะเป็นเจ้าของโรงเรียน คุณย่าก็จะเดินไปตรวจความเรียบร้อยของโรงเรียนทุกวัน เวลาไปตรวจก็จะหน้านิ่วคิ้วขมวด หรือบางครั้งก็จะรู้สึกว่าคุณย่าขี้บ่น เช่น บ่นว่าทำไมถึงไม่ยอมกินข้าวเช้า ทำไมแต่งตัวไม่เรียบร้อย
“แต่หลังจากที่เราได้มาถ่ายทำคอนเทนต์ลง TikTok ด้วยกัน ภาพเก่าๆ หรือความรู้สึกที่เคยมีต่อคุณย่าก็เปลี่ยนไป”
นะโมยอมรับว่าที่ผ่านมาเธอและน้องๆ กับคุณย่าไม่ได้มีกิจกรรมที่ทำร่วมกันมากมายนัก มีสถานะเป็นเพียงย่ากับหลานที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้มีความสนิทสนม ทว่าเมื่อมีเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง TikTok เข้ามาก็ทำให้คุณย่ากับพวกหลานๆ อย่างเธอได้ทำสิ่งต่างๆ ด้วยกัน ได้รู้จักตัวตนของกันและกัน รวมทั้งสนิทสนมกันมากขึ้น ที่สำคัญคือการได้เห็นอีกฝ่ายในมุมที่ไม่เคยเห็น
นะโม นะมามิ และสาธุเอง ไม่เคยคิดมาก่อนว่า แท้จริงแล้วคุณย่าของพวกเขาเป็นคนน่ารักและมีความตลกซ่อนอยู่ในตัวเองไม่น้อยเลย
“พอได้มาทำ TikTok ด้วยกันถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณย่าไม่ใช่คนที่ระเบียบจัดจนตึงไปเสียทุกอย่าง คืออะไรที่ควรเป็นระเบียบก็ต้องเป็นระเบียบ แต่จริงๆ แล้วเป็นคนที่ตลกแล้วก็น่ารักมาก เป็นความน่ารักและความตลกที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นเสน่ห์ในตัวของคุณย่า หากเทคโนโลยีไม่ได้เชื่อมเราเข้าหากัน ให้เราได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน เราก็คงไม่มีวันได้รับรู้เลย”
จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เพียงเฉพาะกับคุณย่าของตัวเองเท่านั้น แต่นะโมบอกว่ามุมมองที่มีต่อผู้สูงอายุทั้งหมดของเธอยังเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
“พอเราได้สัมผัสคุณย่ามากขึ้น ได้เห็นว่าจริงๆ แล้ว เขาก็พร้อมจะทำอะไรสนุกๆ กับลูกหลาน และคนที่รู้จัก อย่างเราชวนเล่นอะไร ชวนทำอะไร คุณย่าก็ทำหมด ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทัศนคติในการมองผู้สูงวัยของเราเปลี่ยนไปเลย เมื่อก่อนเราจะมองว่าคนแก่น่าเบื่อ ไม่สนุก ไม่มีชีวิตชีวา แต่พอมาสัมผัสจริงๆ มันไม่ใช่เลย
“เราเชื่อว่าคนแก่หรือผู้สูงวัยหลายๆ คน เขายินดีเปิดใจและพร้อมที่จะสนุกไปกับลูกๆ หลานๆ นะ เพียงแต่เราต้องหาสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างพวกเรากับพวกเขาให้เจอ และต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้ากันได้จริงๆ”
โลกใบใหม่ของคุณย่ากระต่าย
เทคโนโลยีดิจิทัลไม่ได้จำกัดพื้นที่สำหรับคนรุ่นใหม่เพียงอย่างเดียว ทุกคนสามารถสนุก และใช้ให้เป็นประโยชน์กับชีวิตได้ ซึ่งคุณย่ากระต่ายก็คือผู้สูงวัยคนหนึ่งที่ใช้มันเป็นเครื่องมือสร้างความสุขให้แก่ชีวิต
“เราไม่รู้จักหรอกว่า TikTok คืออะไร ไม่รู้จักอะไรในโลกออนไลน์เลย มารู้จักก็เพราะหลานๆ เขาแนะนำให้ แล้วก็ลองถ่ายทำออกมาเป็นคลิปถึงได้รู้ว่า TikTok คืออะไร เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้จัก TikTok ชีวิตมันก็เหงานะ ไม่รู้จะทำอะไร แต่พอได้มาถ่าย TikTok เราก็ได้ทำอะไรสนุกๆ ได้เล่นเกม ได้มีกิจกรรมทำกับหลาน ได้เห็นหลานทำอะไรตลกๆ พูดง่ายๆ เลยคือทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวา”
ทุกวันนี้แม้หลักไมล์ของชีวิตจะเหยียบย่างเข้าที่เลข 83 แล้ว แต่คุณย่ากระต่ายมักบอกใครต่อใครเสมอว่าตนเองอายุแค่ 38 สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องมาจากคุณย่าไม่ใช่ผู้สูงวัยที่แก่แล้วแก่เลย ยังสื่อสารกับแฟนคลับที่เป็นคนรุ่นใหม่อยู่บ่อยๆ พยายามปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีเสมอ หากไม่เข้าใจอะไรก็ถามลูกหลาน พร้อมเปิดใจเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่เข้ามาในชีวิต
“เราคิดว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องดีนะ มีประโยชน์มากเลย ถ้าเราเปิดใจยอมรับและพยายามปรับตัวกับมัน อย่างทุกวันนี้เราคุยกับคนรุ่นใหม่ได้ ได้ถ่าย TikTok กับหลานๆ ได้มีกิจกรรมทำร่วมกันในครอบครัว มันเป็นเหมือนโลกใบใหม่ที่ทำให้เราสนุกและมีความสุข
“ตั้งแต่เข้ามาเล่น TikTok มีเรื่องให้ยิ้มให้หัวเราะได้ตลอด ซึ่งเสียงหัวเราะสำหรับคุณย่า มันคือยาวิเศษของชีวิตเลย”
คำพูดทิ้งท้ายของหญิงชราวัย 83 นั้นช่างน่าขบคิด
เราจะทำอย่างไรเพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้เข้าถึงผู้สูงวัยรวมทั้งใช้มันให้เป็นประโยชน์กับพวกเขา
เพราะคงจะดีไม่น้อย หากปู่ย่าตายายของเราทุกคนจะได้รับยาวิเศษ เหมือนดังเช่นคุณย่ากระต่าย